ใครที่นิยมการท่องเที่ยวทะเลอันดามัน จะต้องรู้จักเกาะหนึ่งในจังหวัดสตูลที่ชื่อว่า เกาะไข่ เพราะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาก แม้จะเป็นเกาะเล็กๆ ที่ไม่มีที่พัก และไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ มีเพียงธรรมชาติล้วนๆ ให้ได้สัมผัสเท่านั้น

เกาะไข่ เป็นเกาะเล็กๆ ในอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล โดยอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตก 25 กิโลเมตร ตั้งอยู่ระหว่างเกาะตะรุเตาและเกาะอาดัง เสน่ห์ของเกาะไข่คือ เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวนวลเนื้อละเอียด และน้ำทะเลใสสีมรกต ที่สามารถมองทะลุเห็นผืนทรายใต้น้ำได้ชัดเจน เหมาะกับคนที่ชอบเล่นน้ำ และชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของธรรมชาติกลางทะเลอันดามันไปพร้อมๆ กัน
ทะเลรอบๆ เกาะไข่มีแนวปะการังอยู่ทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปะการังเขากวาง และเนื่องจากเป็นเกาะที่เงียบสงบมาก ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ บนเกาะ แม้แต่ที่พักก็ไม่มี ในทุกๆ ปี ช่วงเดือนพฤศจิกายนจึงมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่กันเป็นจำนวนมาก

และจุดที่ถือเป็นไฮไลท์ของเกาะไข่แห่งนี้ก็คือ ซุ้มประตูรักนิรันดร์ ซึ่งเป็นซุ้มประตูหินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีความโค้งเป็นวงใหญ่ ขนาดที่คนสามารถเดินลอดผ่านเข้าไปได้ โดยว่ากันว่า คู่รักที่มาเดินลอดผ่านซุ้มประตูรักนิรันดร์นี้ด้วยกัน จะรักกันไปตลอดโดยไม่แยกจากกัน คู่รักคู่ไหนสนใจอยากจะไปทดสอบความรักกันที่ซุ้มประตูหินธรรมชาติแห่งนี้ ก็เชิญไปพิสูจน์กันได้ แต่ขอแนะนำให้ไปช่วงสายๆ เพราะแสงอาทิตย์จะตกกระทบลงตรงซุ้มประตูพอดี ทำให้ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยงามมากๆ ได้บรรยากาศสุดๆ แต่ถ้ามาตอนบ่าย จะได้ภาพที่ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพราะแสงย้ายไปอยู่อีกฝั่งของเกาะแล้ว

แน่นอนว่าด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติกแบบนี้ ที่นี้จึงมีกิจกรรมยอดฮิตเมื่อถึงวันแห่งความรัก นั่นก็คือจะมีการจัดงานวิวาห์บนเกาะไข่ โดยมีการจดทะเบียนสมรส และพิธีลอดซุ้มประตูหินของคู่รักมากมายที่มีความเชื่อว่าคู่รักที่ได้ลอดซุ้มประตูนี้จะสมหวังในความรัก เหมือนดั่งป้ายที่จารึกไว้ที่หน้าซุ้มประตูหินนั่นเอง
ส่วนเรื่องการเดินทาง ส่วนใหญ่แล้วเรือโดยสารจากเกาะตะรุเตาไปยังเกาะหลีเป๊ะมักจะวิ่งผ่านเกาะไข่ไปเลย โดยไม่จอดแวะให้ แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถเดินทางมาที่เกาะไข่ได้เอง โดยการเช่าเรือจากท่าเรือปากบารา หรือจะซื้อเป็นแพคเกจท่องเที่ยวจากเกาะหลีเป๊ะมาเที่ยวที่เกาะไข่และเกาะอื่นๆ โดยรอบก็ได้เช่นกัน
ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว