Categories
focus on travel

ท่องเที่ยวและเรียนรู้วิถีชุมชนบ้านทะเลน้อย อ.แกลง จ.ระยอง

ชุมชนบ้านทะเลน้อย เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มากไปด้วยร่อยรอยทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของหมู่ที่ 6 ตำบลทางเกวียน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง

ซึ่งอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย สามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวมายังถนนหมายเลข 344 บ้านบึง-แกลง (มุ่งหน้าสู่จังหวัดระยอง) จนถึงถนนหมายเลข 3 สุขุมวิท จากนั้นเลี้ยวขวา และเลี้ยวซ้ายที่แยกวัดสารนารถฯ แล้วมุ่งหน้าไปยังถนนสุนทรโวหารอีกเป็นระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะถึงจุดหมาย (ชุมชนบ้านทะเลน้อย)

ชื่อเรียก “ชุมชนบ้านทะเลน้อย” มีที่มาเนื่องจากในอดีตช่วงฤดูฝนมักจะเกิดน้ำท่วมขังเป็นทุ่งภายในหมู่บ้าน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับทะเลขนาดย่อม ผู้คนในหมู่บ้านจึงเรียกกันว่า “ทะเลน้อย” สืบมาจนถึงปัจจุบัน มีการสันนิษฐานว่า หมู่บ้านดังกล่าวก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

เนื่องจากมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งบอกว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา นั่นคือ “วัดราชบัลลังก์” หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วัดทะเลน้อย” ซึ่งมีอายุกว่า 300 ปี ในปัจจุบันได้มีการบูรณะซ่อมแซม นอกจากนี้ คนในชุมชนได้ร่วมกันกับภาครัฐในการสร้างศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อเป็นการสักการะบูรชาอีกด้วย

ชุมชนบ้านทะเลน้อย ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ครั้งที่ 11 ประเภทแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม (Historical and Culture) โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ชาวบ้านได้รวมกลุ่มกันพัฒนาชุมชนจากการประสานงานกับหน่วยงานราชการ ชูเอกลักษณ์ประจำชุมชน จนกลายมาเป็นชุมชนท่องเที่ยวที่ต้อนรับผู้คนที่มาเยี่ยมชมและศึกษาวิถีชีวิตของชาวบ้าน ภายในชุมชน 

เอกลักษณ์ประจำชุมชนบ้านทะเลน้อย นั่นคือ การสร้างวิถีชีวิตของคนในชุมชนให้กลายเป็นชุมชนต้นแบบ โดยการนำเอาทรัพยากรที่มีในชุมชนมาก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นั่นคือ การรวมกันกลุ่มปลูก “ผักกระชับ” ซึ่งเป็นผักพื้นบ้านที่ปลูกกันเฉพาะภายในชุมชนนี้เท่านั้น จะมีวิธีการปลูก โดยการนำเมล็ดไปแช่น้ำไว้นานถึง 3 เดือน จากนั้นจึงนำเมล็ดดังกล่าวไปปลูก ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะสามารถตัดและนำมาใช้ประกอบอาหารได้ โดยการประกอบอาหารที่นิยม ได้แก่ แกงส้มผักกระชับ ผักกระชับผัดน้ำมันหอย ผักกระชับสดจิ้มน้ำพริก ยำผักกระชับ เป็นต้น  

นอกจากนี้ ยังมี “กล้วยน้ำว้าสามน้ำ” ซึ่งเป็นการปลูกโดยใช้น้ำจากแหล่งที่แตกต่างกันไป 3 แหล่ง ได้แก่ น้ำจืด น้ำทะเล และน้ำกร่อย โดยน้ำจืดจะเกิดจากช่วงฤดูฝน น้ำทะเลในช่วงหน้าแล้ง และน้ำกร่อยที่เกิดจากการผสมกันของน้ำจืดและน้ำทะเล อีกทั้งพื้นดินที่มีแร่ธาตุที่เหมาะสมกับการเพาะปลูก จึงทำให้รสชาติของกล้วยน้ำว้าสามน้ำดังกล่าวมีความหวานอร่อย และสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้เป็นอย่างดี

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com

Categories
focus on travel

วัดไทยแต่หน้าตาเป็นโบสถ์คริสต์….ที่พระนครศรีอยุธยา

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดที่ไม่มีอำเภอเมือง เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์และเรื่องมากมาย รวมถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายที่ แต่สถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนที่มาที่นี่ต้องนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ก็คือ วัด ที่อยุธยามีวัดอยู่หลายแห่งด้วยกัน แต่ละที่ก็มีความน่าสนใจในแบบเฉพาะของตัวเอง อย่างเช่นวัดที่จะนำมาแนะนำวันนี้ วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร….

วัดนี้เป็นวัดที่มีรูปแบบการก่อสร้างและสไลต์การตกแต่งของสองวัฒนาธรรมมาผสมผสานกันได้อย่างดี และลงตกตัวที่สุด วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร เป็นวัดไทยแต่หน้าตาเป็นโบสถ์คริสต์ เป็นวัดที่มีความสวยงามและแปลกตาเป็นอย่างมาก

ข้อมูลที่น่าสนใจของวัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร

วัดนิเวศธรรมประวัติ สร้างขึ้นเมื่อปี 2421 ช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นวัด รูปทรงภายนอกของพระอุโบสถดูคล้ายกับโบสถ์คริสต์ ซึ่งหากเห็นเป็นครั้งแรกคงจะคิดว่าที่นี่เป็นโบสถ์ฝรั่งมากกว่า สถาปัตยกรรมภายนอกนั้นเป็นศิลปะแบบโกธิค มีกระจกสีประดับอย่างสวยงาม อาคารประกอบต่างๆ ภายในวัดก็เป็นสไตล์ฝรั่ง 

วัดนิเวศธรรมประวัติ นั้นอยู่บนเกาะกลางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับพระราชวังบางปะอิน เวลาเดินทางไปที่วัดแห่งนี้จะต้องข้ามฝั่งไป โดยกระเช้าสำหรับส่งผู้โดยสารประมาณครั้งละ 6-8 คน ค่าโดยสารแล้วแต่ผู้โดยสารจะบริจาคให้

เมื่อเดินทางเข้ามาในบริเวณวัด สิ่งที่พบคือภายนอกพระอุโบสถจะทาด้วยสีเหลืองสวยงาม มีโดมหอคอยปลายแหลมตามอย่างวิหารในสถาปัตยกรรมตะวันตกศิลปะแบบโกธิค (Gothic) บริเวณยอดโดมมีหอนาฬิกาและระฆังชุด เหนือขึ้นไปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

โดยด้านหน้าประตูทางเข้าอุโบสถมีมุขยื่นออกมา ลักษณะเป็นสามเหลี่ยมหน้าจั่วซ้อนกัน 2 ชั้น รอบผนังพระอุโบสถเจาะช่องหน้าต่างเป็นรูปโค้งปลายแหลม

ส่วนบริเวณท้ายพระอุโบสถเป็นหอระฆังยอดโดมลักษณะรูปกรวยแหลมสูงขึ้นไป 3 ชั้น แต่ละชั้นนั้นเจาะช่องหน้าต่างเป็นอาร์คแบบโค้งปลายแหลมไว้รอบหอระฆัง

ชั้นแรกมีการเจาะช่องหน้าต่างทั้งสี่ด้าน และวางยอดปราสาทจำลองประดับไว้ที่มุมทั้งสี่ด้าน ถัดขึ้นไปชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 เจาะช่องหน้าต่างและประดับด้วยกระจกสี 8 ด้าน

บนสุดของยอดทำเป็นโดมปลายแหลม บนหอระฆังมีเจดีย์สำริดปิดทองภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตรงผนังเบื้องล่างยอดโดมประดับด้วยนาฬิกาที่บอกเวลาเป็นเลขโรมันอีกด้วย

วัดนิเวศธรรมประวัติ มีพระประธานนามว่า พระพุทธนฤมลธรรโมภาส  ที่มีฐานชุกชีไม่เหมือนกับโบสถ์ทั่ว ๆ ไป มีลักษณะเด่นคล้ายกับที่ตั้งของไม้กางเขน มีช่องหน้าต่างที่โค้งมน ที่ฝาผนังไม่ใช่ภาพเขียนน้ำมันเหมือนทั่วไป แต่เป็นภาพที่ทำจากการประดิษฐ์จากกระจกสี เป็นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่ 5 นั่นเอง

บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถจะมีหอพระคันธารราษฎร์ ที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปยืนปางขอฝน โดยซุ้มก็เป็นสไตล์โกธิคมียอดแหลมเช่นเดียวกัน และฝั่งตรงข้ามกับหอพระคันธารราษฎร์ เป็นหอประดิษฐานพระพุทธศิลาปางนาคปรก พระพุทธรูปสมัยลพบุรี ฝีมือช่างขอมอายุนับพันปี

และเมื่อได้เดินรอบ ๆ อาคารต่าง ๆ ภายในบริเวณวัด ก็จะพบว่าทุกที่นั้นมีการออกแบบในสไตล์แบบตะวันตกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น “พระตำหนักสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ” ที่สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงผนวชและจำพรรษาที่วัดนี้เมื่อ พ.ศ.2426 รวมไปถึงกุฏิสงฆ์ และหอพระไตรปิฎก อีกด้วย

วัดนิเวศธรรมประวัติ ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยที่จอดรถวัดนิเวศธรรมประวัติจะอยู่ติดกับที่จอดรถของพระราชวังบางปะอิน การเดินทางเข้าตัววัดจะใช้การขึ้นกระเช้าไฟฟ้าข้ามแม่น้ำ

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com

Categories
focus on travel

ท่องเที่ยวและพักผ่อนที่สตรอเบอรี่ ทาวน์ (Strawberry Town) จังหวัดระยอง

สตรอเบอรี่ ทาวน์ (Strawberry Town) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ภายใต้การดูแลของบรุคไซด์ วัลเลย์ รีสอร์ท (Brookside Valley Resort) ซึ่งมีความสวยงามตามสไตล์ของตะวันตก

โดยสถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนหาความสงบสุข ขณะเดียวกันก็สามารถทำกิจกรรมผจญภัยที่สนุกสนานได้อีกด้วย

สตรอเบอรี่ ทาวน์ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 5 ตำบลสำนักทอง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ซึ่งอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย

แต่กลับมีลักษณะคล้ายกับหมู่บ้านในทวีปยุโรปเป็นอย่างมาก จึงทำให้เป็นเอกลักษณ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วประเทศให้เดินทางมาเยือน

สตรอเบอรี่ ทาวน์” เปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวในทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:00 น. ไปจนถึง 18:00 น. โดยจะมีค่าบัตรเข้าชมสถานที่ 60 บาท (ต่อ 1 คน)

นักท่องเที่ยวสามารถนำบัตรเข้าชมที่ได้รับไปใช้แลกอาหารสัตว์ได้ (ปลา กระต่าย แกะ) หรือสามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่มภายในภัตตาคาร Cove B หรือร้าน Steak House เมื่อมียอดบิลครบ 300 บาทขึ้นไป และจะต้องใช้บัตรเข้าชมอย่างน้อย 3 ใบในการใช้แลกส่วนลดดังกล่าว

ภายในบริเวณของสตรอเบอรี่ ทาวน์ ได้มีการแบ่งพื้นที่จัดแสดงเป็น 5 ส่วน ได้แก่ 

1. Holland Village เป็นหมู่บ้านฮอลแลนด์ที่ได้รับการตกแต่งให้มีลักษณะคล้ายกับหมู่บ้านในยุโรป  

2. Uncle Sam’s Farm หรือฟาร์มลุงแซม เป็นฟาร์มที่มีการเลี้ยงแกะ นักท่องเที่ยวสามารถป้อนอาหารให้กับแกะเหล่านี้ได้ด้วย 

3. Fountain of Season หรือน้ำพุแห่งฤดูกาล มีรูปสลักของเทพธิดาทั้ง 4 ฤดูกาลถือเหยือกและเทน้ำศักดิ์สิทธิ์ลงมาเป็นขั้นบันได 5 ชั้น โดยแต่ละชั้นจะมีข้อความสลักไว้ ได้แก่ ความสุข ความมั่งคั่ง ความสำเร็จ ความรัก และความอุดมสมบูรณ์ เพื่อเป็นการอวยพร นักท่องเที่ยวมักจะโยนเหรียญลงไปในอ่างบน้ำชั้นบนเหนือเทพธิดา เพื่ออธิษฐานของพรในเรื่องโชคลาภ ความรัก การเรียน และหน้าที่การงาน

4. Dutch Costume เป็นร้านที่ให้บริการเช่าชุดประจำชาติของชาวดัตช์ ภายในร้านจะมีการทำฉากพื้นหลังเป็นลวดลายต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สวมใส่ชุดชาวดัตช์ได้ถ่ายรูปกับพื้นหลัง พร้อมกับของตกแต่งต่างๆ เพื่อบันทึกภาพของความทรงจำที่งดงงามเหล่านี้

5. Souvenir Shop เป็นร้านค้าที่จำหน่ายของที่ระลึกและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสตรอเบอรี่ ทาวน์ ได้แก่ เสื้อ กระเป๋า รองเท้า หมวก พวงกุญแจ ร่ม สมุด และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสตรอเบอรี่

นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ สามารถพักผ่อนได้ท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติโดยรอบที่บริสุทธิ์ หมู่บ้านที่ตกแต่งได้อย่างสวยงาม มีกิจกรรมที่หลากหลายให้เข้าร่วม และที่สำคัญ นักท่องเที่ยวสามารถเก็บภาพความทรงจำพร้อมกับสวนดอกไม้ที่สวยงามได้ภายในสถานที่ดังกล่าว

Categories
focus on travel

“เนินนางพญา” จุดพักชมวิวที่ขึ้นชื่อที่สุดในจังหวัดจันทบุรี

“เนินนางพญา” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แลนด์มาร์กที่สำคัญของจังหวัดจันทบุรี มีลักษณะเป็นจุดพักชมวิวที่ขึ้นชื่ออีกที่หนึ่งในภาคตะวันออก ซึ่งอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของหน่วยงานเทศบาลตำบลสนามไชย และหมวดบำรุงทางหลวงชนบท เฉลิมบูรพาชลทิต (กรมทางหลวงชนบท) จังหวัดจันทบุรี โดยเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งกลุ่มครอบครัว เยาวชน ผู้สูงอายุ หรือคู่แต่งงานให้เข้าชมได้โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งที่เดินทางมาจากในประเทศและที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 

“เนินนางพญา” อยู่ในพื้นที่ของหมู่ที่ 7 บ้านท่าแคลง เฉลิมบูรพาชลฑิต ตำบลสนามไชย อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี โดยจะเปิดทำการในทุกวัน (วันจันทร์-วันอาทิตย์) ตั้งแต่เวลา 05:00 น. ไปจนถึง 00:00 น. แต่ช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวมักจะเดินทางมาเยือน คือ ช่วงเวลาระหว่าง 06.00 – 18.30 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะได้รับชมวิวธรรมชาติโดยรอบได้อย่างชัดเจน อีกทั้งในบริเวณดังกล่าวยังมีที่จอดรถ ร้านอาหาร และร้านค้าสวัสดิการต่างๆ ไว้สำหรับบริการให้แก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย

จุดพักชมวิวบนเนินนางพญา มีลักษณะเป็นหน้าผาที่มีความสูงชันมาก จึงมีการกั้นรั้วเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ริมทะเลที่อยู่ระหว่างปากอ่าวคุ้งกระเบนและหาดคุ้งวิมาน โดยมีถนนเลียบทะเลที่มีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 111 กิโลเมตร (จากจังหวัดระยองมาจนถึงจังหวัดจันทบุรี) เลียบทอดยาวไปจนถึงหาดคุ้งวิมาน อ่าวคุ้งกระเบน และแหลมเสด็จ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถชมวิวทะเลด้านข้างได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังมีการจัดทำเลนจักรยานไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวที่สนใจปั่นจักรยานชมวิวทะเลอีกด้วย

บนยอดของเนินนางพญาสามารถมองเห็นวิวของท้องทะเล ภูเขา และถนนลาดยางที่คดเคี้ยวไปมา ทำให้มีกิจกรรมที่สำคัญที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก นั่นคือ “การคล้องกุญแจคู่รัก” เพื่อเป็นการแสดงถึงสัญญารักที่มีระหว่างกันของคู่รักที่เดินทางมาท่องเที่ยว เปรียบเสมือนการทำสัญญาให้ความรักคงอยู่ยืนยาว โดยมีท้องฟ้า ทะเล ภูเขา และธรรมชาติที่สวยงามเป็นพยานรักนั่นเอง

นอกจากการมาชมวิวท้องฟ้าและทะเลที่สวยงามแล้ว ยังมีกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนอีก นั่นคือ “การชมพระอาทิตย์ตกดินในตอนเย็น” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมพระอาทิตย์สีแดงตัดกับน้ำทะเลสีฟ้า จนกระทั่งลับหายลงไปในทะเลในที่สุด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขและสวยงามเป็นอย่างมาก ทำให้ “เนินนางพญา” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนสามารถมาถ่ายภาพเก็บบรรยากาศของธรรมชาติโดยรอบได้ตลอดทั้งวัน

Categories
focus on travel

ท่องเที่ยวชมระบบนิเวศน์อันอุดมสมบูรณ์ที่ “สวนพฤกษศาสตร์ระยอง” จังหวัดระยอง

“สวนพฤกษศาสตร์ระยอง” พื้นที่ชุ่มน้ำระดับชาติ บึงสำนักใหญ่” เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดให้เข้าชมระบบนิเวศน์อันอุดมสมบูรณ์และได้ความรู้ด้านพฤกษศาสตร์ไปด้วยพร้อมกัน ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 ตำบลชากพง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย โดยสถานที่แห่งนี้มีลักษณะเด่นคือ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความหลากหลายของพรรณไม้ท้องถิ่นภาคตะวันออกที่หายากและมีความเสี่ยงในการสูญพันธุ์กว่า 400 ชนิด มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 3,800 ไร่ ซึ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มครอบครัว นักเรียน ผู้สูงอายุ หรือคู่แต่งงานให้เข้าชมได้ในทุกวัน (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ตั้งแต่เวลา 08:30 น. ไปจนถึง 16:30 น. โดยมีค่าบริการเรือท่องเที่ยว 600 บาท (ต่อ 1 ชั่วโมง) ค่าบริการเช่าจักรยาน 50 บาท (ต่อ 1 ชั่วโมง) ค่าบริการกางเต้นท์เพื่อพักแรม 50-100 บาท (ต่อ 1 คน) และค่าบริการความรู้ 20 บาท (ต่อ 1 คน)

“สวนพฤกษศาสตร์ระยอง” ก่อตั้งขึ้นมาโดยองค์การสวนพฤกษศาสตร์ที่เล็งเห็นคุณค่าของพื้นที่ชุ่มน้ำที่ช่วยลดการพังทลายของชายฝั่ง เป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งเติบโตของพรรณไม้ อีกทั้งยังเป็นการป้องกันการเข้ามาของน้ำเค็มที่มากจนขาดสมดุล จึงจัดตั้งศูนย์รวมพรรณไม้ภาคตะวันออกร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น และเสนอให้ยกระดับความสำคัญในระดับชาติ โดยมีข้อกำหนดแนวทางการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้ ตามประกาศของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เนื่องด้วยความเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ทำให้เกิดกิจกรรมท่องเที่ยวชมระบบนิเวศน์ที่น่าสนใจทั้งในทางบกและทางน้ำ นั่นคือ

  • การพายเรือคายัคท่องเที่ยว
  • การล่องเรือท้องแบนท่องเที่ยว
  • การปั่นจักรยานท่องเที่ยว

    ซึ่งสำหรับการล่องเรือท้องแบนท่องเที่ยวนั้น จะมีนักวิชาการคอยให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับสัตว์และพรรณไม้หายากต่างๆ จนจบกิจกรรม นักท่องเที่ยวจะได้ชมบรรยากาศของบึงสำนักใหญ่ หรือหนองจำรุง และป่าเสม็ดดึกดำบรรพ์ หรือป่าเสม็ดพันปี  

ระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้พบกับ “หญ้าหนังหมา” หรือ “แพหนังหมา” ซึ่งเป็นแพกอหญ้าที่เกิดจากการประสานและทับถมกันเป็นชั้น มีความหนาประมาณ 50-100 เซ็นติเมตร และมีรากที่เติบโตยาวลงไปใต้น้ำกว่า 1 เมตร ทำให้มีความแข็งแรงเป็นอย่างมากจนสามารถรับน้ำหนักของคนที่เดินอยู่ด้านบนได้ 

นอกจากนี้ ในบริเวณเดียวกันยังมี “กระจูด” ซึ่งเป็นไม้ล้มลุกที่มีลักษณะคล้ายกับต้นกก สามารถเติบโตได้สูงกว่า 3 เมตร และพรรณไม้ต่างๆ อีกมากมาย ดังนั้น สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเยี่ยมชมและศึกษาระบบนิเวศน์ของพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่มาเยือนได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ และภาพบรรยากาศโดยรอบที่สวยงามเป็นอย่างมาก

Categories
focus on travel

วัดร่องเสือเต้น Blue Temple

เชียงราย เมืองเหนือที่มีมนต์เสน่ห์ทั้งประเพณีเก่าแก่ที่สืบต่อมายาวนาน ที่เมื่อพูดถึง หลายคนก็คงนึกถึง  วัดร่องขุ่น ไร่บุญรอด ไร่ชาฉุยฟง และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เมืองที่มีวัฒนาธรรมที่สืบทอดมายาวนาน และยังมีวัดที่มีศิลปะวิจิตรประณีตหลากวัด อย่างเช่น วัดเสือร่องเสือเต้น อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

ประวัติความเป็นมา

เดิมวัดร่องเสือเต้น นั้นเป็นเพียงวัดร้างที่มีอยู่ใกล้หมู่บ้าน และชาวบ้านได้ร่วมกันบูรณะ เพื่อไว้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านร่องเสือเต้น ลักษณะเด่นของวัดร่องเสือเต้นนี้ คือ วิหารวัดร่องเสือเต้น ที่ สร้างและออกแบบโดย สล่านก หรือพุทธา กาบแก้ว ศิลปินบ้านชาวเชียงรายศิษย์ก้นกุฏิของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์  วัดร่องเสือเต้น  ได้สร้างขึ้นเมื่อ 27 ตุลาคม 2548 สร้างเสร็จเมื่อ 22 มกราคม 2559 ระยะเวลาก่อสร้างนานถึง 11 ปี

ไฮไลท์ของวัดร่องเสือเต้น 

  • วิหารของวัดแห่งนี้ ใช้โทนสีที่แตกต่างไปจากทุกที่ นั่นคือโทนสีน้ำเงินฟ้ากับสีทอง ซึ่งได้มีคำนิยามถึงสีที่ทาไว้ว่าสีน้ำเงินฟ้าแทนความหมายของการขจรขจายทั่วไปเหมือนดังท้องฟ้า เป็นแนวพุทธศิลป์ที่คิดต่างและร่วมสมัย
  • อีกจุดที่จะลืมไม่ได้เลย คือ รูปปั้นพญานาคหน้าวิหาร เป็นผลงานฝีมือของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินผู้มีชื่อเสียงอีกท่าน เป็นรูปปั้นพญานาค ที่มีทำให้สัมผัสได้ถึงความดุดัน น่าเกรงขม แต่ก็มีความอ่อนช้อยวิจิตปราณีต ตามรูปแบบศิลปะล้านนา
  • ชมความสวยงามของ พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ ที่องค์เป็นมีสีขาวมุก ในพระเศียรมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ ใต้ฐานมีพระรอดลำพูน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองมากมายฝั่งอยู่ พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่หมายถึง พระพุทธเจ้าทรงเป็นมงคล เจ้าในความเป็นราชา เป็นที่พึ่งในสามโลก
  • พระอุปคุตปางจกบาตร องค์สีขาวมุก ประดิษฐานอยู่กลางวงเวียนน้ำพุหน้าโบสถ์ นั่งอยู่บนบัวน้ำ อย่างแปลกตา ที่มีความพลิ้วไหวและดู นับเป็นปางจกบาตรที่งดงาม
  • เสาประตูวัดที่ประดับด้วยองค์เทพองค์ใหญ่มีหางเป็นพญานาค ดูน่าเกรงขาม บริเวณฐานของเทพทั้งสององค์ยังมีลักษณ์เป็นเหมือนบ่อศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

นี่เป็นอีกฟสถานที่อีกแห่งที่อยากแนะนำให้ไปแวะเที่ยวชมเมื่อคุณเดินทางไปจังหวัดเชียงราย ไปชมศิลป์ที่สวยงามและโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  และมีศิลป์ที่มีความอ่อนช้อยมากที่สุดและแปลกตาที่สุด พร้อมทั้งเข้ามากราบไหว้สักการะพระประธานที่สวยในวิหาร และสักการะพระบรมสาริกธาตุ เพื่อเป็นสิริมงคลให้แก่ตนเองด้วยนะคะ

Categories
focus on eat

Basic Space Coffee ร้านกาแฟาสุดชิคในเมืองกรุงเก่า

มาอยุธยาคนส่วนใหญ่ก็มักมาเที่ยวชมโบราณสถาน และไหว้พระขอพรสิ่งศักสิทธิ์ และเมื่อหลังจากตะลุยไหว้พระก็ได้เวลาหาคาเฟ่เก๋ ๆ น่านั่ง เพื่อหลบร้อน บรรยากาศสบาย ชิค ๆ สำหรับใครที่ยังไม่มีร้านที่เล็งไว้ต้องขอแนะนำร้านนี้เลย Basic Space Coffee (เบสิค สเปซ คอฟฟี่) ร้านเล็ก ๆ บรรยากาศดี ๆ ริมถนน ร้านที่น่าแวะเติมคาเฟอีนร้อนและเย็นให้ร่างกายเสริมความสดชื่น  

Basic Space Coffee
Basic Space Coffee
 Basic Space Coffee

เมื่อเข้ามาภายในร้านสิ่งแรกที่จะได้สัมผัส คือ กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นชนิดที่เตะจมูกมาก ๆ เมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านมีมนูของร้านที่มีหลากหลายแบบ และรสชาติที่อร่อย ทั้งเครื่องดื่ม และขนม ทำออกมาได้ดี ไม่ว่าจะเป็น

Basic Space Coffee
Basic Space Coffee

– Iced Latte รสชาติของนมคือมันๆ แน่นๆ ผสมกับกาแฟกลิ่นเข้มๆ มีติดเปรี้ยวเพียงเล็กๆ ความหอมใช้ได้ กลิ่นออกโทนถั่วๆ

– Sunshine latte กลิ่นของ เฮเซลนัทชัดมาก มีกลิ่นของกาแฟเสริม และกลิ่นส้มเล็กน้อย

– Iced Matcha Latte กลิ่นชาใช้ได้ แต่ออกหวานไปหน่อยนึง ไม่หวานมาก หากใครไม่ทานหวานก็ลดหวานไว้ก่อนได้

– O-liang Milk เป็นเหมือนโอเลี้ยงยกล้อ ที่ใช้นมสดทำฟองนมมาใส่ กลิ่นคือ กาแฟโอเลี้ยงเลย เป็นกลิ่นคั่วแบบไหม้ๆ เอกลักษณ์ของโอเลี้ยง โดนใจสายกาแฟโบราณ เมนูนี้

– Double Choco Cookies รสชาติใช้ได้ ช็อคโกแลตหอมดี มีความหวานที่ไม่มาก เนื้อจะนิ่มๆ 

– กาแฟ Cococano เป็นน้ำมะพร้าวหอมกับเอสเปรสโซรสชาติลงตัวมาก ๆ

และ Castown โซดาคราฟ ที่ทำจากเปลือกกาแฟ หากใครยังไม่เคยลอง แวะมาที่ร้านเลยจ้า สำหรับใครที่เป็นสายกาแฟมาร้านนี้จะไม่ผิดหวังเลย

Basic Space Coffee

จุดเด่นอีกอย่างของร้าน Basic Space Coffee  คือเปิดให้บริการตั้งแต่เช้า  สำหรับบางคนที่ขับรถมไกลก็สามารถแวะเข้าไปใช้บริการได้เลยนะคะ แต่ต้องสังเกตหน่อยนะคะเพราะหน้าร้านจะมีต้นไม้เยอะ ถ้าไม่สังเกตอาจขับรถเลยได้  ลองไปกันดูนะคะ

ข้อมูลร้านทั่วไป

 แต่ ร้านเปิดทุกวัน เวลา 07.30-16.00 น.

พิกัด : 2/1 ถ.ราเมศวร ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา

Facebook: Basic Space Coffee

Cr. Picture: Basic Space Coffee

Categories
focus on travel

สะพานมอญ เมืองกาญฯ

สะพานมอญ สะพานไม้ที่เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจน์บุรี สังขละบุรี สะพานไม้ที่มีความยาวและเชื่อมต่อระหว่างเขตแดนพม่า เป็นสะพานที่เชื่อมต่อวัฒนธรรมที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง ที่อยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพมากนัก  

สะพานมอญ

ความเป็นมาของสะพานมอญ

สะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์  ซึ่งชื่อสะพานอุตตามานุสรณ์ นั้นถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึง ท่านเจ้าอาวาส วัดวังก์วิเวการาม นามว่า หลวงพ่ออุตตมะ ผู้สร้างค่ะ

โดยสะพานไม้เป็นตัวเชื่อมของวัฒนาธรรมแห่งนี้นั้นเริ่มการสร้างตั้งแต่ปีพ.ศ. 2529 จนถึง พ.ศ. 2530 ด้วยฝีมือแรงงานของชาวมอญ มีวัตถุประสงค์เพื่อทำการค้าขาย แลกเชื่อมโยงวัฒนธรรมและประเพณีของทั้งสองเชื้อชาติ ปัจจุบันนี้นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ของจังหวัดกาญจนบุรี สะพานมอญเป็นสะพานไม้ จึงไม่อนุญาตให้นำรถวิ่งข้ามได้หากไปเที่ยวต้องจอดรถไว้ที่แล้วเดินเท้าไป

สะพานมอญ

ไฮไลท์ที่ดึงดูดให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม

สะพานมอญ สถานที่เชื่อมโยงวัฒนธรรม และสัมผัสได้ได้ถึงความมีเสน่ห์ของวิถีชีวิตของสองเชื้อชาติ และเป็นจุดชมวิวของเขื่อนวชิราลงกรณ์ ชมแสงแรกยามเช้าที่สวยงาม ได้ใกล้ชิดวิถีชาวบ้านกลางสายหมอก

สะพานมอญ

นั่งเรือชมโบราณสถาน เมืองบาดาล และชม วัดศรีสุวรรณ หรือ วัดกระเหรี่ยง เป็นวัดของชาวกระเหรี่ยง ที่จมอยู่ในน้ำ แต่ช่วงที่มีน้ำเยอะ จึงไม่สามารถเห็นชัดเจน  ถ้าอยากเห็นเต็มๆ ต้องเป็นช่วงเดือนเมษายนเพราะน้ำจะลด

ชมซาก วัดจมน้ำ หรือวัดวังก์วิเวการาม (เดิม)” แต่เดิมแหล่งชุมชนของชาวมอญ ตรงบริเวณที่ “สามประสบ” ซึ่งเป็นที่จบกันแม่น้ำทั้ง 3 สาย นั่นก็คือ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี

ลงเล่นน้ำที่น้ำตกซองกาเลีย ที่ตรงแถวสะพานแม่น้ำซองกาเลีย ทางไปด่านเจดีย์สามองค์ วิวก็สวย น้ำเย็น

สะพานมอญ

การเดินทางไปสะพานมอญ

การเดินทางโดยรถส่วนตัว :   เริ่มการเดินทางจาก อ.เมือง ไปสู่ สะพานมอญใช้ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 323 ไปทางอำเภอไทรโยค – ทองผาภูมิ ได้สักระยะก่อนถึงตัวอำเภอทองผาภูมิ เจอสามแยกเลี้ยวขวามุ่งหน้าอำเภอสังขละบุรีเมื่อผ่านอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ผ่านตัวอำเภอสังขละบุรี และข้ามสะพานซองกาเลีย แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสะพานไม้ สุดซอยถึงจุดหมายสะพานมอญ

สะพานมอญ

การเดินทางโดยรถสาธารณะ :  สามารถขึ้นเส้น กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี ที่ขนส่งสายใต้ใหม่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อไปลงที่สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี แล้วต่อรถสายกาญจนบุรี – ทองผาภูมิ – สังขละบุรี เพื่อไปที่ท่ารถสังขละบุรี รวมใช้เวลาในการเดินทางตั้งแต่ตัวเมืองจนถึงสังขละบุรีประมาณ 4-5 ช.ม.

สะพานมอญ