Categories
focus on travel

เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ชาร์จแบตตัวเองพร้อมกับธรรมชาติที่ “เขื่อนรัชชประภา” จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ในวันหยุดยาวแบบนี้ถ้าได้ไปเที่ยวไกลๆสักที่ คงจะดี ขึ้นเหนือล่องใต้เลี้ยวไปอีสาน หักโค้งไปตะวันตก ตีรถไปตะวันตก จบที่ภาคกลาง หลังจากการทำงานที่แสนจะเหนื่อยล้า ก็อยากจะออกไปชาร์จแบตเตอรี่ชีวิตให้กับตัวเองบ้าง ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยสดงดงาม ผมขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่หนึ่งที่น่าสนใจคือ “เขื่อนรัชชประภา” จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคใต้บ้านนาย ปอ. เขื่อนรัชชประภามีอีกชื่อที่ทุกคนเข้าใจว่ามันคือคนละที่กันคือ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” ที่หลายคนรู้จักตั้งอยู่ในอุทยานแห่งหนึ่งคืออุทยานแห่งชาติเขาสก  เขื่อนรัชชประภาอุดมไปด้วยธรรมชาติที่เรียกว่าอุดมสมบูรณ์มาก น้ำทะเลใสกิ๊ก  ต้นไม้ตามเกาะแก่งก็เขียวขจีสบายตา

เขื่อนรัชชประภา
เขื่อนรัชชประภา

ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ถึงกับได้รับฉายาว่า เขื่อนรัชชประภาเป็นกุ้ยหลินเมืองไทย ซึ่งกุ้ยหลินที่ว่าจะอยู่ประเทศจีน และชื่อของเขื่อนรัชชประภา เป็นชื่อพระราชทานจากรัชกาลที่ 9 มีความหมายลึกซึ้งมาก คำว่า “รัชชประภา” แปลได้ว่าสถานที่ที่เป็นเหมือนแสงสว่างให้แก่ราชอาณาจักร

เพราะเขื่อนรัชชประภาเป็นสถานที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าเช่นกัน แต่แลกกับการไปขึ้นเรือเพื่อไปยังที่พักของเขื่อนรัชชประภาแล้ว ราคาถือว่าโหดมากเพราะแค่ขั้นต่ำโดยไป กลับราคา 1,500 บาท และที่พักที่นิยมมากที่สุดคือ แพ 500 ไร่ เพราะแพ 500 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณที่เป็นจุดศูนย์กลางของธรรมชาติ โดยมีห้องให้เลือกมากมาย ถึง 18 ห้อง

ทุกห้องจะเห็นวิวของทะเลสาบ รูปลักษณ์ของแพ 500 ไร่บวก กับธรรมชาติที่สวยงาม ทำให้บางครั้งเราลืมไปว่าเราไม่ได้อยู่ประเทศไทย  โดยส่วนใหญ่จะตกประมาณ 6,000 ต่อคน มีกิจกรรมให้ทำอย่าง พายเรือ และสามารถเล่นน้ำหน้าห้องพักของตัวเองได้อย่างเต็มที่ หรือถ้าไม่อยากลงเล่นน้ำที่ทะเลสาบทางแพ 500 ไร่ ยังมีบริการสระว่ายน้ำกลางแจ้งไว้ให้ บรรยากาศตอนเช้าเมื่อเปิดประตูแล้วจะเห็นวิวของหมอกลงเหนือพื้นน้ำ

เขื่อนรัชชประภา
เขื่อนรัชชประภา

และถ้าสังเกตดีๆจะพบนกเงือกที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติของมัน ยังมีป่าคลองแสงที่เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเปิดให้ นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมธรรมชาติได้ และภายในป่าคลองแสง ท่านจะได้เจอช้าง และสัตว์น้อยใหญ่อีกมากมาย และยังมีน้ำตกแปดเซียน ที่มีลักษณะเป็นหินเรียงกันเป็นชั้นๆ ขึ้นไปเหมือนภูเขาขนาดเล็กๆ และไฮไลท์อีกอย่างคือ สันเขื่อนที่ทอดยาวออกไปเป็นจุดชมวิวอีกที่ ที่สวยงามไม่แพ้กันเลย

เขื่อนรัชชประภา
เขื่อนรัชชประภา

สำหรับใครที่อยากจะหาที่พักผ่อน และอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม เหมือนกับได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ปอดได้สดชื่น ขอแนะเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลานไว้อีกทีนะครับ เพราะบรรยากาศโดยรวมให้คะแนนเต็มสิบเลย

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยวไหน

Categories
focus on travel

เที่ยวฉะเชิงเทรา ไปเช้า-เย็นกลับ

5 จุดเช็คอิน เที่ยวฉะเชิงเทราจุใจ เช้าไป-เย็นกลับ

วันนี้เป็นอีกหนึ่งทริปที่ไม่จำเป็นต้องไปไกลๆ แต่ก็ฟินได้เหมือนกัน ซึ่งหนึ่งในจังหวัดที่น่าเที่ยวแบบเช้าไป-กลับนั่นก็คือ “ฉะเชิงเทรา” หรือ “แปดริ้ว” ที่หลายคนรู้จักกันดี ยังเป็นเมืองที่แฝงไปด้วยวิถีชีวิตแบบโบราณ มีประเพณีพื้นบ้าน อาหารแบบฉบับท้องถิ่น วัดวาอารามที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่คู่บ้านเรามาช้านาน รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ เช่น ตลาดโบราณเก่าแก่เมืองแปดริ้ว เพื่อคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศมาเยี่ยมเยือนกันสักครั้ง เรียกว่ามาได้จังหวัดเดียวเที่ยวได้ครบรส และยังอิ่มท้องอีกด้วย ที่สำคัญคือ เป็นที่เที่ยวใกล้กรุงเทพซึ่งขับรถมาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น วันนี้เลยถือโอกาสพาทุกคนมาตามรอยจุดเช็คอินที่เที่ยวฉะเชิงเทรากันดีกว่า ว่ามีที่ไหนที่ไม่ควรพลาดบ้าง!

วัดโสธรวรารามวรวิหาร

วัดโสธรวรารามวรวิหาร
วัดโสธรวรารามวรวิหาร
วัดโสธรวรารามวรวิหาร
วัดโสธรวรารามวรวิหาร

ที่แรกเราจะพามาสักการะหลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหารที่คนแปดริ้วนับถือและเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในทุกๆ วันจะมีผู้คนจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบไหว้และขอพรทุกครั้งเมื่อได้มาเยือนแปดริ้ว ที่สำคัญยังมีภาพวาดฝาผนังภายในอุโบสถ รวมถึงการออกแบบทั้งภายในและภายนอกวัดที่สวยงามตระการตา

พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข

พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข
พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข

พากันมาไหว้สักการะขอพรกันอีกสักหนึ่งที่ นั่นก็คือ “วัดสมานรัตนาราม” ที่มีพระพิฆเนศองค์ใหญ่สีชมพูสวยงามด้วยความสูงถึง 16 เมตร ยาว 24 เมตร ลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอนตะแคงด้านข้าง ซึ่งพระหัตถ์ซ้ายถืองาที่หัก พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว โดยพระพิฆเนศปางนี้มีความหมายคือ มีกิน มีใช้ ร่ำรวยเงินทอง มีโชคลาภ บริบูรณ์พร้อมสรรพ ปราศจากทุกข์ภัย ผู้คนจึงมักมาสักการะขอพรเป็นจำนวนมาก แนะนำเคล็ดลับการขอพรนิดนึงนะ! คือต้องกระซิบสิ่งที่อยากขอที่หูของรูปปั้นหนูที่อยู่ด้านข้างองค์พระพิฆเนศ และขอว่าหากสำเร็จอย่างที่ขอพรจะกลับมาตอบแทนหรือให้อะไรก็ว่ากันไปเลย (ติดสินบนน้องหนูกันสักนิด)

วัดหงส์ทอง (วัดกลางน้ำ)

วัดหงส์ทอง (วัดกลางน้ำ)
วัดหงส์ทอง (วัดกลางน้ำ)
วัดหงส์ทอง (วัดกลางน้ำ)
วัดหงส์ทอง (วัดกลางน้ำ)

อีกหนึ่งวัดที่ถือว่าเป็น Unseen Thailand ที่มีชื่อเสียงมากนั่นก็คือ “วัดหงส์ทอง” หรือที่รู้จักในนามวัดกลางน้ำ ตั้งอยู่ในตำบลคลองสอง อำเภอบางปะกง วัดแห่งนี้ตั้งอยู่กลางน้ำอ่าวไทยและป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ ด้วยทรงเจดีย์สีทองที่สวยงาม 3 ชั้น และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปมากมาย และด้านบนสุดของเจดีย์เป็นที่บรรจุพระธาตุพระอรหันต์ ใครที่ได้มาสักการะกราบไหว้แล้ว ต้องไม่พลาดขึ้นไปชมวิวสวยๆ 360 องศาของทะเลอ่าวไทย ได้ทั้งความสบายใจและความสบายกาย อีกหนึ่งที่เที่ยวแปดริ้วที่หลายคนต้องมาให้ได้!

ตลาดคลองสวน 100 ปี

ตลาดคลองสวน 100 ปี
ตลาดคลองสวน 100 ปี
ตลาดคลองสวน 100 ปี
ตลาดคลองสวน 100 ปี
ตลาดคลองสวน 100 ปี
ตลาดคลองสวน 100 ปี

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมป้ายตลาดคลองสวน 100 ปี จึงมีเขียนพ่วงท้ายว่า สมุทรปราการ นั่นก็เป็นเพราะว่าที่ตั้งของตลาดเก่าแก่แห่งนี้ตั้งอยู่ริมคลองประเวศน์บุรีรมย์ซึ่งเป็นพื้นที่ใน 2 จังหวัด คือ อำเภอบ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา และ อำเภอบางบ่อ สมุทรปราการนั่นเอง ก้าวแรกที่เข้ามาในตลาดคลองสวน 100 ปี จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันเก่าแก่ มีร้านรวงของคนในพื้นที่ทั้งร้านอาหารขึ้นชื่อในตำนานอย่าง ร้านอาแป๊ะหลีกาแฟ, ก๊วยเจ๋งลูกชิ้นปลา สูตรเด็ดระดับตำนาน, ร้านเจ๊เจ็ง ที่มีก๋วยเตี๋ยวเป็ดรสชาติเข้มข้นถึงใจ และยังมีร้านขนมไทยขึ้นชื่ออีกหลายร้าน เรียกได้ว่าอิ่มท้องและยังได้ซื้อของฝากกลับไปอีกด้วย

ฮอลลีวูดบ้านนา มนต์รักบางพุทรา

ฮอลลีวูดบ้านนา มนต์รักบางพุทรา
ฮอลลีวูดบ้านนา มนต์รักบางพุทรา
ฮอลลีวูดบ้านนา มนต์รักบางพุทรา
ฮอลลีวูดบ้านนา มนต์รักบางพุทรา
ฮอลลีวูดบ้านนา มนต์รักบางพุทรา
ฮอลลีวูดบ้านนา มนต์รักบางพุทรา

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรนวัตวิถีที่มีทั้งการให้ความรู้ในการทำเกษตร, การปลูกพืชผัก, การแปรรูปอาหาร สินค้า OTOP, กิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงยังเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ และตลาดน้ำยอดนิยมแห่งหนึ่งในแปดริ้ว ใครอยากมาฝากท้องไว้ที่นี่รับรองต้องไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะที่นี่มีทั้งอาหารคาว ของหวาน เบเกอร์รี่ รวมถึงเครื่องดื่มดับร้อนหลากหลายเมนู และยังสามารถชื่มชมบรรยากาศในคลองที่มีน้ำสีฟ้าใสๆ ใครอยาก

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยวไหน

Categories
focus on travel

เกาะพะงัน

ฉลองคืนพระจันทร์เต็มดวง full moon party สุดปังที่เกาะพะงัน

ชีวิตวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาหรือช่วงชีวิตเดียว ที่เราจะสนุกไปกับมันได้อย่างเต็มแม็กซ์ได้อย่างเต็มที่ เพราะหลังจากชีวิตวัยรุ่นแล้วจะเข้าสู่ชีวิตของผู้ใหญ่ชีวิตของการทำงานเต็มรูปแบบ เมื่อคุณมาถึงจุดที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วคุณจะรู้สึกโหยหา กับความสนุกในวัยเด็ก

และใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ของวัยรุ่น มีสถานท่องเที่ยวที่หนึ่งที่วัยรุ่นทุกคนอยากจะไปเที่ยวที่นี่ โดยทั้งวัยรุ่นคนไทยและวัยรุ่นที่เป็นชาวต่างประเทศ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นชาวต่างชาติเสียมากกว่าที่จะเป็นคนไทยมาเที่ยว นั่นคือ “เกาะพะงัน” อยู่ที่จังหวัดมีหอยนางรมที่อร่อยมากๆ นั่นคือจังหวัดสุราษฎร์ธานีนั่นเอง

เกาะพะงันนี้เองเป็นที่จัดงานที่วัยรุ่นทุกคนทั่วโลกรู้จักก็คืองาน full moon party โดยเกาะพะงันจะมีธรรมชาติและชายหาดที่สวยงาม ทั้งหาดยาว หาดที่ว่ากันว่าเวลาน้ำลดลงจะปรากฏสันทรายขึ้นสามารถเดินข้ามไปยังอีกกล่องหนึ่งได้คือ หาดแม่หาด และหาดที่มีความสำคัญคือ “หาดริ้น” เหตุผลว่าทำไมถึงสำคัญมากกว่าที่อื่นของเกาะพะงัน

เพราะหาดริ้นเป็นที่จัดงาน Full moon party  ถ้าแปลเป็นภาษาไทยจะแปลได้ว่า…ปาร์ตี้หรืองานฉลองในคืนพระจันทร์เต็มดวง ตรงกับเพลงของวง cocktail พอดีชื่อเพลงว่า งานเต้นรำในคืนพระจันทร์เต็มดวง เนื่องด้วยเป็นคำว่า Full moon พระจันทร์เต็มดวง Full moon party เลยจะถูกจัดขึ้นทุกครั้งที่พระจันทร์เต็มดวง

เกาะพะงัน
เกาะพะงัน

โดยในสมัยก่อนไม่มีใครรู้จักงานฉลองแบบนี้เลย แต่เพราะด้วยการประชาสัมพันธ์แบบปากต่อปากทำให้งานนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าหากเป็นชาวต่างชาติจะต้องเสียคนละ 100 บาท เสียแค่ค่าเครื่องดื่มตามบาร์ต่างๆ บนหาดริ้น และเนื่องด้วยมีเสียงตอบรับดีจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ทางเกาะพะงันเคยเสนอให้มีงานฉลองเช่น ถ้าวันไหนเป็นวันที่มีคืนเดือนมืดก็จะฉลอง Black moon party หรือถ้าคืนวันไหนพระจันทร์มีรูปลักษณะเป็นครึ่งดวงก็จะจัดงาน half-moon party พูดได้เลยว่าเกาะพะงันเป็นเสมือนที่รวมวัยรุ่นทั่วโลกไว้ที่เกาะเดียว สำหรับผู้หญิงหรือผู้ชายที่เป็นสายฝอ แนะนำเลยว่าไม่ควรพลาด มีทั้งหนุ่มสาวที่มาจากทั่วโลก หน้าตาดี หุ่นนายแบบ แล้วสถานะโสดเยอะมาก

ข้อสำคัญคือถ้ามีคนแปลกหน้าเป็นคนที่ไม่รู้จักมายื่นอะไรให้ดื่มหรือให้กิน ไม่สมควรที่จะลองกินหรือดื่มเด็ดขาด ถึงอีกฝ่ายจะหล่อลากดินสวยลากไส้แค่ไหนก็ตาม เวลาไปซื้อเครื่องดื่มหรือ Bucket ข้อแนะนำคือให้ยืนดูเขาทำจนเสร็จเพราะถ้าเราไม่ดูมัวแต่คุยกับเพื่อนเขาอาจจะใส่ส่วนผสมอย่างอื่นที่เป็นอันตรายให้เราทานด้วย

เกาะพะงัน
เกาะพะงัน

และเรื่องทรัพย์สินเงินทองก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ  ข้อแนะนำเอกสารที่ถือว่าสำคัญคือเวลาไปเที่ยวที่ full moon party ไม่ขอแนะนำให้ไปไหนมาไหนคนเดียวเพราะจะเป็นอันตราย และยิ่งไปกว่านั้นถ้าไปกับเพื่อนที่เป็นผู้หญิงทั้งหมดควรจะระวังกันให้ดี การทำตัวเองให้ดูเคร่งขรึมอาจจะเป็นเรื่องที่ดีแต่ไม่ใช่กับที่นี่

เพราะถ้าคุณทำตัวน่าสงสัย เคร่งขรึมสุดมากเกินไป คุณอาจจะโดนถามว่ายาบ้าเม็ดละเท่าไหร่ แล้วถ้าคุณอยากเข้าห้องน้ำก็จะมีค่าบริการที่ 20 บาท ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะที่งานที่จะเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบเลย เขาจะดูแลคุณเป็นอย่างดี

เกาะพะงัน
เกาะพะงัน

ถ้าคุณปฏิบัติตามข้อควรระวังนี้ได้คุณสามารถสนุกได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลอะไรทั้งตัวคุณเองและตัวของเพื่อน ไม่ต้องห่วงว่าถ้ามาถึงก่อนเวลาจัดงานจะต้องนั่งโง่ๆอยู่ริมชายหาดกับแก๊งเพื่อน ทางเกาะพะงันมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทั้งเล่นวอลเลย์บอล

กิจกรรมทางทะเล สร้างเพื่อนใหม่ก่อนที่จะไปเจอกันในงาน กิจกรรมเล่นวอลเลย์บอลไม่ต้องห่วงถ้าเราไปกับเพื่อนแล้วคนไม่พอ ชาวต่างชาติทุกคนจะเป็นคนเฟรนลี่มาก พวกเขาจะเดินเข้ามาขอเล่นด้วยถือว่าเป็นการสร้างมิตรภาพไปด้วย งานปาร์ตี้ที่เกาะพะงันถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานที่ทำให้ทุกคนทั่วโลกรู้จักประเทศไทยมากขึ้น เราก็เป็นเหมือนตัวแทนคนไทยทั้งประเทศที่จะต้องสร้างความประทับใจให้กับชาวต่างชาติไปในตัว

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยวไหน

Categories
focus on travel

“ปาย”

คิดจะพัก…คิดถึง “ปาย” หลีกเลี่ยงความวุ่นวายให้ใจสงบ

ทุกวันศุกร์ วันสุดท้ายของการทำงานของทุกที่ ของทุกคนหรือที่เรียกวันศุกร์กันว่า วันศุกร์สุดหรรษา  จากหน้าจอทำงานจะเปลี่ยนเป็นรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และครั้งนี้จะหนีเที่ยวไปให้ไกลสักหน่อยขึ้นเหนือสัมผัสอากาศที่เย็นสบาย กับสาวเหนือที่น่ารัก ผิวขาวผ่องเป็นยองใยเลยเชียว

คราวนี้จะพาไปเที่ยวอำเภอหนึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน นั้นคือ อำเภอปาย อำเภอปายถือว่าเป็นอำเภอหรือเมืองที่เก่าแก่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีซากปรักหักพังอยู่เป็นจำนวนมากเนื่องด้วยในสมัยก่อนเป็นที่อยู่ของประชาชนชาวไปร (ชื่อเรียกชาวท้องถิ่น) ชาวไปรถูกบันทึกไว้ว่าอยู่ในกลุ่มชาติพันธุ์ออสโตรกับชาติพันธุ์เอเชียติก

คิดจะพัก...คิดถึง “ปาย”
คิดจะพัก…คิดถึง “ปาย”

นอกจากจะมีความสำคัญในด้านของประวัติศาสตร์แล้วความสวยงามของธรรมชาติของที่อำเภอปายก็ไม่แพ้กัน อย่าง จุดชมทะเลหมอกของเมืองปายคือ “หยุนไหล” หยุนไหลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งที่ ที่สามารถมาชมความสวยงามของทะเลหมอก พร้อมกับแสงอาทิตย์ของพระอาทิตย์ขึ้นที่สาดส่องลงมากระทบกับหมอกในตอนเช้าและถูกรอมไปด้วยเขาเล็กเขาน้อย

และวิวที่หมู่บ้านของชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับหยุนไหลจะถูกปกคลุมไปด้วยทะเลหมอกแบบนี้ มันเป็นวิวราวกับภาพวาดที่ธรรมชาติได้สันสร้างขึ้นมาเอง คำว่าหยุนไหลไม่ได้ถูกตั้งขึ้นโดยไม่มีเหตุผล ภาษาจีนคำว่าหยุนไหลจะแปลได้ว่า…สถานที่แหล่งที่มีเมฆหมอกมาปกคลุม บริเวณหยุนไหลจะมีระเบียงสำหรับให้นักท่องเที่ยมาถ่ายรูป

และมีศาลาให้นักท่องเที่ยวมานั่งพักชมวิว  และอากาศเย็นๆ แบบนี้ จะมีบริการชาร้อนที่เสิร์ฟในกาน้ำชาสไตล์จีนโบราณ ซึ่งเสียค่าบริการมาชมวิว 20บาท และถ้าต้องการจิบน้ำชาด้วยก็จะต้องเสียค่าน้ำชาอีกเพียง 20 บาท ถ้านักท่องเที่ยวท่านใดรู้สึกเมื่อยล้าไปทั้งตัว อยากจะไปแช่น้ำพุร้อน แช่ออนเซ็น ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ขอบอกว่าไม่ต้องไปถึงประเทศญี่ปุ่น เพราะที่เมืองปายก็มีบ่อน้ำพุร้อนอยู่เช่นกัน

เราจะพาไปแช่น้ำพุร้อนที่น้ำพุร้อนไทรงาม เป็นน้ำพุร้อนที่เกิดจากธรรมชาติของแท้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เมื่อก่อนคนไทยไม่ค่อยรู้จักหรือรู้จักกันน้อยมาก  เสียค่าบริการเพียงแค่ 20 บาท  นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ ก่อนลงแช่ออนเซ็นไทยแลนด์ เมื่อมาถึงจุดที่ให้ลงแช่ ลักษณะจะเป็นบ่อน้ำตามมาก

น้ำสีเขียวใสยังกับสีของเพชรมรกต น้ำไม่ลึกมากถ้าเป็นวัยรุ่นน้ำจะอยู่ที่หัวเข่า  อุณหภูมิของน้ำพุร้อนไทรงามจะไม่ได้ร้อนมาก และรอบๆน้ำพุร้อนจะถูกล้อมไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่สีเขียวสด  ชาวบ้านในเขตน้ำพุร้อนจะเล่ากันว่า น้ำของน้ำพุร้อนที่ไทรงามมีสรรพคุณช่วยเรื่องโรคต่างๆ และช่วยเรื่องผิวพรรณของนักท่องเที่ยวด้วย 

คิดจะพัก...คิดถึง “ปาย”
คิดจะพัก…คิดถึง “ปาย”

ถ้าพูดถึงสถานที่ที่เป็นของคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแม่ฮ่องสอนจะต้องนึกถึง พระธาตุดอยกองมู ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองปาย และอีก 1 แลนมาร์คของเมืองปายคือ ถนนคนเดินเมืองปาย ซึ่งจะเปิดบริการทุกวันแต่เปิดแค่ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนมกราคม หรือในช่วงฤดูหนาวของเมืองปาย  แต่ถ้าในช่วงฤดูฝนหรือฤดูร้อน

คิดจะพัก...คิดถึง “ปาย”
คิดจะพัก…คิดถึง “ปาย”

ตลาดก็จะเปิดให้แต่เสาร์อาทิตย์เท่านั้น ของกินของคาวของหวานมีเยอะมากมาย มีทั้งฟองดู มีทั้งกล้วยหอมและสตอเบอรี่ที่จะเอาไปชุบกับช็อคโกแลตลาวา ไม้ละ 20 บาท คุ้มอยู่นะอร่อยด้วย จะมีร้านที่ขายขนมที่เป็นขนมขึ้นชื่อของอำเภอปาย เป็นขนมที่ทำจากข้าวเหนียวดำ

มันคือข้าวปุก ความรู้สึกที่กินเข้าไปจะรู้สึกเหมือนกินโรตีที่มีความหอมของงา ราคาแค่ 20บาท แต่ถ้าอยากกินโรตีก็จะมีโรตีชีสที่เขาบอกว่าเขาเป็นเจ้าแรกของไทย  ส่วนใหญ่เด็กๆ ชอบสั่งโรตีชีสใส่ผงไมโล ร้านขายของเล่นของเด็กน่ารักๆ จะมีร้านขายน้ำร้านหนึ่งที่ขายน้ำสมุนไพรความพิเศษของร้านนี้คือแก้วที่ใส่น้ำสมุนไพรจะเป็นกระบอกไม้ไผ่ล้วนๆ 30 บาท

เมนูที่ขายดีจะเป็นน้ำมะตูมปากกับน้ำมะนาวน้ำผึ้งป่า พอได้มาที่นี้เหมือนใจสงบเพราะรายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่แสนสวยงาม ความน่ารักความใจดีของคนในพื้นที่ที่มีคุณค่าเกินกว่าจะตีออกมาเป็นราคาเงินตราได้

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยวไหน

Categories
focus on travel

จุดชมทะเลหมอกภาคเหนือ

แอ่ว 5 จุดชมทะเลหมอกภาคเหนือสุดฟิน

ปลดล็อกดาวน์กันแล้ว ออกไปผ่อนคลายและใช้ชีวิตเที่ยวธรรมชาติกัน รับรองว่าเหมาะกับการเที่ยวแบบ Social distancing ในยุคโควิดมาก เพราะที่ธรรมชาติเป็นที่ที่ทำให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติที่แท้จริงและที่สำคัญคนไม่แน่นเหมือนเที่ยวในเมืองอีกด้วย วันนี้เราจึงอยากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวธรรมจุดชมวิวทะเลหมอกสุดอลังการที่ภาคเหนือของประเทศไทยเรา รับรองว่าเมื่อคุณได้เห็นความสวยงามอลังการของทะเลหมอกภาคเหนือแล้วนั้นคุณจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว

ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน
ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน

1.ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน เป็นจุดชมดาวยามค่ำคืนที่สูงมากสมชื่อเลย คุณสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามอลังการจากที่แห่งนี้ได้เลย ที่สำคัญยังเป็นจุดชมทะเลหมอกยามเช้าอีกด้วยรับรองว่าถ้ามีกาแฟร้อนๆสักแก้วจิบพร้อมชมทะเลหมอกไปเพียงเท่านี้บรรยากาศจะโรแมนติกขึ้นคูณร้อยเลยทีเดียว  และบริเวณใกล้เคียงก็ยังมีผาหัวสิงห์ที่สามารถชมทะเลหมอกและวิวธรรมชาติได้แบบรอบ 360 องศาเลย ยังไม่เท่านั้น คุณยังสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำน่านและตัวอำเภอนาน้อยได้อีกด้วย เรียกได้ว่าควรมาสักครั้งในชีวิตจริงๆ

ดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
ดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

2.ดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ 

ดอยหลวงเชียงดาว หรือดอยเชียงดาว เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทยเลยทีเดียว ที่สูงรองจากดอยอินทนนท์ และดอยฟ้าห่มปก ที่นี่สามารถเดินทางมาพักผ่อนกันได้ง่ายๆเลยโดยการมาตามเส้นทางหลวงสายเชียงใหม่-ฝางประมาณหลักกิโลเมตรที่ 72  หากผ่านไปตามเส้นทางดังกล่าว คุณจะสังเกตเห็นเทือกเขาสูงชันทางด้านซ้ายมือนั่นแหละถึงแล้วนั้นก็คือ ดอยหลวงเชียงดาว นั่นเอง เมื่อถึงยอดดอยหลวงเชียงดาว คุณจะสามารถมองเห็นวิวที่ตระการตามากๆกับอีก 2 ดอยอยู่เบื้องหน้าก็คือ ดอยสามพี่น้อง และดอยพีรามิด ซุ่งบอกเลยว่าควรค่าแก่การมาฮีลใจตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะบรรยากาศด้านหน้าเหมือนภาพวาดที่หลุดออกมาจากเทพนิยายเลยทีเดียว

ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่
ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่

3.ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่

สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง ตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี จัดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2512 ดอยอ่างขางมีอากาศเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิประมาณ 17องศาโอ้พระเจ้าคืออากาศเย็นขั้นสุด  เราจึงสามารถไปเที่ยวดอยอ่างขางได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว ส่วนในช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนก็ไม่ร้อนจัด ส่วนหน้าฝนถือเป็นช่วง Low season ไม่หนาวมากแถมยังได้ชมความอลังการของทะเลหมอกอีกด้วย และช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคมเป็นช่วงไฮไลท์ของที่นี่ คนนิยมมาเที่ยวกันดูปรากฎการณ์แม่คะนิ้งหรือน้ำค้างแข็งกันเป็นจำนวนมาก เพราะนอกจากอากาศที่หนาวเย็นแล้ว ยังได้ชมความงามของธรรมชาติและบรรยากาศรอบๆอีกด้วย คุ้มค่ามากเลย

ดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย
ดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย

4.ดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย

เป็นยอดดอยในเทือกเขาหลวงพระบางที่สำคัญเป็นเส้นแบ่งเขตไทย-ลาว อยู่ห่างจากภูชี้ฟ้าประมาณ 30 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ใครที่จะมาเที่ยวสามารถมาชมความงามของทั้งสองสถานที่กันได้เลย  ขอบอกว่าดอยผาตั้งแห่งนี้ถือเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย  ชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้าที่อาศัยอยู่บริเวณนี้มีอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ปลูกพืชเมืองหนาว เช่น บ๊วย ท้อ สาลี่ แอปเปิ้ล และชา ถือว่าเป็นสีสันแห่งวัฒนธรรมชนเผ่า ใครที่สนใจมาสัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตกันได้เลย

ห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่
ห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่

5.ห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่

จุดชมวิวบริเวณห้วยน้ำดัง (ดอยกิ่วลม) อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากในประเทศไทยเลยทีเดียว นอกจากชมทะเลหมอกในยามเช้าได้แล้วนั้นยังสามารถชมความงดงามของดวงอาทิตย์ขึ้นที่ทอแสงในยามเช้าอีกด้วย ที่สำคัญยังมองเห็นดอยเชียงดาว นอกจากนี้ช่วงปลายฤดูหนาวจะเต็มไปด้วยดอกไม้ที่มีสีสันสวยงาม

และใครที่มาที่นี่ยังสามารถไปเที่ยวดอยสามหมื่น อำเภอเชียงดาว  จะมีหมู่บ้านชาวเขาเผ่าลีซออาศัยอยู่ กิจกรรมก็จะมีการชมการปลูกกาแฟอาราบิกาและไม้ผลเมืองหนาว เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการมามากๆ

ใครที่มีความหลงใหล หลงรักในธรรมชาติต้องไม่พลาดกับจุดชมวิวทะเลหมอกภาคเหนือ เพราะนอกจากความสวยงามอลังการของทะเลหมอกและบรรยากาศ วิวธรรมชาติแบบ 360 องศาแล้วนั้น ยังมีกไฮไลท์เด็ดคือการชมแสงแรกของวันยามที่พระอาทิตย์ทอแสงขึ้นมา เรียกได้ว่ามาแล้วทุกคนจะไม่ผิดหวังแน่นอน มาให้ธรรมชาติเติมพลังชีวิตให้คุณกันเถอะ

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ page facebook กิน นอน เที่ยวไหน

Categories
focus on travel

เที่ยว “วัดราชบูรณะ”

ตามรอยผีกรุงเก่า เที่ยว “วัดราชบูรณะ” ฉบับ…คุณอุบล “พิษสวาท”

เที่ยว “วัดราชบูรณะ” เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่จะพาทุกคนไปในตอนนี้จะออกแนวลึกลับ น่ากลัว อาถรรพ์ของจริงกันสักหน่อย แต่รับรองเลยว่าถ้าคุณไปยังสถานที่จริงแล้วมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เล่าอย่างแน่นอนแน่นอน ละครที่ผมกำลังพูดถึงอยู่นี้คือละครเรื่อง “พิษสวาท”

ซึ่งเคยฉายทางช่อง one 31 โดยส่วนตัวเป็นคนชอบเรื่องเกี่ยวกับอาถรรพ์หรือผีซึ่งไม่ค่อยเหมือนคนอื่นสักเท่าไหร่ ขอเล่าถึงวัดแห่งนี้ก่อนว่า วัดราชบูรณะมีอยู่ถึง 2 จังหวัดด้วยกัน คือวัดราชบูรณะที่อยุธยา และวัดราชบูรณะที่บางกอกน้อย แต่วัดราชบูรณะที่จะไปครั้งนี้คือที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเรียกอีกชื่อว่า “กรุงเก่า”

วัดราชบูรณะแห่งนี้จะอยู่ติดกับถนนของจังหวัด เลยเป็นที่สะดุดตาของนักท่องเทียว โดยรอบวัดแห่งนี้จะมีโบราณสถานมากมาย เช่น เจดีย์เจ้าอ้ายเจ้านี่ ซึ่งปัจจุบันเหลือแค่ซากปรักหักพัง บริเวณหน้าทางเข้าวัดจะเป็นซุ้มประตูขนาดเล็กที่ทำจากอิฐ และมีกำแพงที่ไม่สูงมากนักรายล้อมบริเวณวัดอยู่ จากประตูทางเข้าจะสามารถมองเห็นไปถึงตัววัดได้ วัดราชบูรณะถูกสร้างขึ้นช่วงประมาณปี พ.ศ.1967

สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 และเมื่อเดินเข้าไปจะเจอกับวิหารหลวงของวัดซึ่งตอนนี้จะเหลือแค่ซากปรักหักพัง ภายในวิหารหลวงจะเหลือแค่ถ่ายของพระพุทธรูปที่เคยประดิษฐานไว้ในสมัยอยุธยา เมื่อมองเลยวิหารหลวงเข้าไปทางด้านใดจะเห็นพระปรางค์ขนาดใหญ่หรือพระปรางค์ประธาน และหลังพระปรางค์ก็จะมีพระอุโบสถอยู่ซึ่งยังคงเหลือซากปรักหักพังของพระประธานตั้งอยู่

วัดราชบูรณะ
วัดราชบูรณะ

รูปแบบของวัดราชบูรณะจะสร้างตามรูปแบบของวัดในอยุธยาสมัยก่อน คือเมื่อเดินเข้ามาจากประตูวัดก็จะเจอกับวิหารหลวงขนาดใหญ่ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ และหลังจากวิหารหลวงจะเป็นพระปรางประทาน และหลังพระปรางค์ก็จะเป็นอุโบสถ

เหตุผลที่เลือกไปสถานที่ท่องเที่ยวตามรอยละครเรื่องนี้มันมีเหตุผลอยู่ว่าละครเรื่องนี้สร้างมาจากเรื่องจริงในสมัยอยุธยาก่อนที่อยุธยาจะแตกนั่นเอง ขอเล่าเรื่องย่อว่า…ได้ไปเที่ยวและไปชมแสดงชุดหนึ่งในละครเรื่องนี้ ซึ่งเป็นตอนที่คุณอุบลทำการแสดงรำฉลองชัยอยุธยา และเมื่อประเทศพม่าเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาแตก สามีของคุณอุบลได้พาคุณอุบลไปยังที่เก็บสมบัติของแผ่นดิน

และให้คุณอุบลแต่งชุดนางรำในสมัยก่อน สุดท้ายสามีคุณอุบลและทำการตัดคอคุณอุบลเพื่อให้เขาได้กลายเป็นผีเฝ้าทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน ซึ่งทรัพย์สมบัติของแผ่นดินที่ผมว่ามานี้ส่วนหนึ่งได้อยู่ในที่วัดวัดหนึ่งในจังหวัดอยุธยา ซึ่งวัดแห่งนี้ได้เปิดให้ทุกคนได้เข้าไปกราบสักการะบูชา วัดที่ผมกำลังพูดถึงอยู่นี้คือวัดราชบูรณะนั่นเอง วัดราชบูรณะว่าเป็นหนึ่งในวัดที่ใหญ่และเก่าแก่มากแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สาเหตุที่ทำให้วัดราชบูรณะแห่งนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก มีอยู่ด้วยกันอยู่ 2 เหตุการณ์คือ

  • อย่างแรกแรกมีการค้นพบทองเป็นจำนวนมากภายใต้พระปรางใหญ่ ภายในวัดแห่งนี้ยังมีจิตรกรรมฝาผนังซึ่งเชื่อกันว่าถูกเขียนขึ้นในสมัยอยุธยา แล้วภายในห้องกรุชั้นหนึ่งนั่นเองได้มีการค้นพบสมบัติมหาศาลในสมัยที่กรุงศรีอยุธยาแตก เช่น ทองคำ เพชรนิลจินดา ซึ่งแน่นอนว่าเป็นที่หมายปองของคนทุกคนรวมถึงโจรผู้ร้ายได้มีเหตุการณ์ที่ว่าระหว่างที่กรมศิลปากรได้ทำการขุดเพื่อหาสมบัติอยู่นั้นได้มีกลุ่มโจรผู้ร้ายเข้ามาชิงสมบัติไปได้ส่วนหนึ่ง ภายในวัดราชบูรณะแห่งนี้เต็มไปด้วยความสวยงามความขลังของกาลเวลาที่ไม่ผ่านสามารถทำให้ที่แห่งนี้ดูหม่นหมองลงไปได้เลย ทั้งวิหารหลวงถึงแม้จะไม่มีหลังคา ซึ่งหากใครจะขอพร สามารถขอพรให้ตนสมหวังที่องค์พระประธานได้ตามจิตอธิษฐาน แต่จะต้องขอพรด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่เชิงลองดีหรือจิตมุ่งร้ายโดยเด็ดขาด
  • แต่เมื่อเดินเข้าไปข้างในภายในวิหารแห่งนี้ก็จะเจอกับลานกว้างซึ่งจะเป็นฉากคุ้นตามากหากคุณได้ดูละครเรื่องพิษสวาท และเมื่อ 64 ปีก่อนหรือประมาณปี 2500 มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีจะให้เจาะเข้าไปในพระปรางค์ในเขตวัดราชบูรณะเพื่อหวังที่จะได้เอาสมบัติไปเป็นของตัวเอง ตามตำนานเล่าว่าพระมหากษัตริย์ไทยในยุคนั้นเมื่อจะฝังสมบัติหรือทรัพย์สมบัติให้พ้นจากศัตรู จะต้องมีการฆ่าคนทั้งยอมด้วยดีและไม่ยอมก็ดีเพื่อให้คนเหล่านั้นกลายเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์หรือผีเฝ้าทรัพย์
วัดราชบูรณะ
วัดราชบูรณะ

แน่นอนกลุ่มผู้ไม่หวังดีเหล่านั้นก็ได้เจออาถรรพ์ของคำสาปสมบัติ บางคนได้ขโมยพระขรรค์ของพระมหากษัตริย์ต่อไปยังไม่ถึงทางออกของวัดพระขรรค์นั้นก็จะสว่างทำให้จนได้เห็นผีเฝ้าทรัพย์ที่คอยปกปักรักษาสมบัติเหล่านั้นอยู่ บางคนที่ได้ขโมยชุดฉลองพระองค์ของพระมหากษัตริย์ไปใส่เล่นปรากฏว่าสติฟั่นเฟือนใส่ชุดฉลองพระองค์ถือดาบร่ายรำไปทั่วบริเวณวัดราชบูรณะ บางคนเอาสมบัติเหล่านั้นไปขาย

วัดราชบูรณะ
วัดราชบูรณะ

และร้านที่รับซื้อสมบัติเหล่านั้นไม่กี่เดือนต่อมาก็เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ร้าน หลายคนจึงเชื่อว่าในวัดราชบูรณะมีสมบัติ อาถรรพ์คำสาป แล้วผีเฝ้าทรัพย์อยู่จริงๆ

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ page facebook กิน นอน เที่ยวไหน

Categories
focus on travel

โรงเรียนฮอกวอตส์

ได้เวลาตื่นเช้าเพื่อเตรียมตัวขึ้นรถไฟด่วนเวทย์มนต์ไป “โรงเรียนฮอกวอตส์” กันเถอะ

“วิงการ์เดียม เลวีโอซ่า” หากใครจำคาถาได้แต่ไม่มีไม้กายสิทธิ์ ต้องรีบไปซื้อแล้วที่ “Warner Bros studio London UK” ประเทศอังกฤษ ถ้าพูดชื่อ harry potter หรือ แฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์ หลายคนคงจะนึกถึงพ่อมดที่มีสัญลักษณ์สายฟ้าอยู่ที่หน้าผาก และเป็นคู่อริกับจอมเวทแห่งศาสตร์มืดที่เก่งที่สุดอย่าง “ลอร์ดโวลเดอมอร์” หลายคนคงเป็นแฟนพันธุ์แท้ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ และสักครั้งในชีวิตหลายคนคงอยากมาเห็นโรงเรียนฮอกวอตส์ด้วยตัวเอง แต่การเข้าชมที่นี่ต้องบอกก่อนว่า…ถึงขั้นจองล่วงหน้าเป็นเดือนเลยทีเดียว เพราะมันหมดเร็วมาก ราคาต่อคนตกที่ 39 ปอนด์อังกฤษ ถ้าเทียบกับราคาไทยก็จะเกือบสองพันกว่าๆ บาทไทยขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน

โรงเรียนฮอกวอตส์
โรงเรียนฮอกวอตส์

ก่อนเดินทางมาที่นี่จะต้องลงที่กรุงลอนดอนก่อน ส่วนถ้าใครเริ่มมาจากประเทศไทยหรือ Transfer จากที่อื่น จะต้องลงที่ Heathrow Airport เพื่อหาที่พัก ถ้าตั้งใจมาเพื่อภารกิจนี้ การเลือกที่พักใกล้ๆ ควรไม่ห่างจาก London Euston จากนั้นแวะหาที่พักตามความสมควร แล้วไปที่รถไฟ National Rail โดยเริ่มจากสถานีต้นทาง London Euston ซึ่งจะใกล้ที่สุดแล้วมาลงสถานี Watford Junction (จะคล้ายๆ ชุมทางหาดใหญ่ กับชุมทางบางซื่อในบ้านเราอยู่นิดๆ) เมื่อลงจากรถไฟจะพบว่ามันใกล้ที่จะไปอย่างมาก ที่ Warner Bros Studio London UK นั้น เราจะได้เจออะไรบ้างสังเกตจากประตูทางเข้าระหว่างทางนั้น ก็จะมีลวดลายของแผนที่ตัวกวนอยู่เต็มผนังทั้งสองฝั่งเมื่อเข้ามาถึงห้องหนึ่ง

  • อย่างแรกที่สังเกตเห็นได้เลยจะมีรูปภาพนักแสดงจากหนังฟอร์มยักษ์เรื่อง harry potter ตั้งแต่ภาคศิลาอาถรรพ์ จนไปถึงเครื่องรางยมทูต 7.2 และที่ตั้งอยู่ตรงกลางคือถ้วยรางวัลสำหรับคนแข่งขันประลองเวทย์ไตรภาคี ทั้ง 3 ด่าน
    • ด่านแรกต่อสู้กับมังกร
    • ด่านที่ 2 ช่วยเหลือเพื่อนที่ถูกพัฒนาการไว้ใต้ทะเลสาบโรงเรียนฮอกวอตส์
    • ด่านสุดท้ายเพื่อเป็นการหาคนชนะอาจารย์ใหญ่อย่าง “อัลบัส ดัมเบิลดอร์” ได้เอาถ้วยรางวัลไปซ่อนในใจกลางเขาวงกต แต่โชคร้ายที่พระเอกของเรากลับถูกให้ไปเจอกับจอมมารเพิ่งฟื้นคืนชีพ จนเป็นศึกที่น่าลุ้นอย่างมากเหมือนในภาพยนตร์
  • ต่อมาก็จะเห็นห้องใต้บันไดที่เป็นเหมือนห้องนอนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคแรก  จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเรียกนักท่องเที่ยวทุกคนมารวมตัวกันที่หน้าประตูโรงเรียนฮอกวอตส์ เพื่อที่จะให้ทุกคนช่วยกันเปิดประตูเข้าไปด้านในโรงเรียนฮอกวอตส์
  • เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วด้านในจะเป็นการจำลองห้องโถงขนาดใหญ่ ที่ใช้เป็นที่ทานข้าว รวมตัว ของนักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนฮอกวอตส์ แล้วบริเวณด้านหน้าก็จะมีถ้วยอัคนีวางอยู่ และใครที่ได้มาที่นี่ต้องมาขอ “harry potter passport” จากเจ้าหน้าที่ของที่นี่ “harry potter passport” นั้นจะเป็นเหมือนสมุดล่าแต้มจะมีอยู่ทุกจุดในนั้นซึ่งฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
  • เดินต่อมาสักนิดก็จะเห็นห้องนั่งเล่นของบ้านกริฟฟินดอร์ และจะมีแผนที่ตัวกวนให้คุณได้เล่นซึ่งแผนที่ตัวกวนนี้เป็นระบบทัชสกรีน คุณสามารถสนุกกับมันได้อย่างเต็มที่  ใกล้ๆ กันจะเป็นห้องเรียนวิชาที่ไม่ค่อยมีใครชอบรวมถึงตัวศาสตราจารย์ก็ไม่ชอบวิชาที่ตัวเองสอนเหมือนกันนั่นคือ ห้องเรียนวิชาปรุงยา ผู้สอนคือ “ศาสตราจารย์สเนป”
  • ถัดมาจากห้องเรียนปรุงยาจะเป็นบ้านโพรงกระต่ายทรงน่ารักกะทัดรัด ซึ่งเป็นที่อยู่ของ “รอน วิสลีย์” เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ และครอบครัวตระกูลวีสลีย์ และจะมีการจำลองป่าต้องห้าม ซึ่งในเนื้อเรื่องป่าต้องห้ามเป็นสถานที่ที่ไม่ควรมีใครเข้าไป ในป่าต้องห้ามแห่งนี้ จะมีสัตว์วิเศษอยู่ตัวนึงนั้นคือ “เจ้าฮิปโปกริฟ บัคบีค” พระเอกในภาคที่ 3 และแมงมุมยักษ์ในภาคที่ 2
โรงเรียนฮอกวอตส์
โรงเรียนฮอกวอตส์

เมื่อเดินถัดออกมาจากป่าต้องห้าม ก็จะเจอกับพาหนะที่จะพาแฮร์รี่ พอตเตอร์มายังโรงเรียนฮอกวอตส์ได้ก็คือ Hogwarts express หรือที่เราเคยได้ยินว่า รถไฟด่วนฮอกวอตส์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ชานชลา 9 3/4 ระหว่างทางที่ไปยังสถานที่ต่างๆในโรงเรียนฮอกวอตส์ ก็จะมีร้านค้าที่คอยดูดทรัพย์ทุกคนอยู่

โรงเรียนฮอกวอตส์
โรงเรียนฮอกวอตส์

เมื่อเดินมาสักพักก็จะมาถึงตรอกไดอากอน สถานที่แห่งนี้จะเป็นเหมือนตลาดนัดบ้านเรา เมื่อเหล่าพ่อมดปี 1 ต้องการซื้อไม้กายสิทธิ์ สัตว์เลี้ยงพิเศษ และหนังสือเรียน ก็ต้องมาที่ ตรอกไดอากอนทุกคน และข้างๆก็จะเป็น ธนาคารกริงกอตส์ และเมื่อเดินผ่านธนาคารกริงกอตส์ ก็จะเจอกับร้านเวทย์มนต์ของพี่น้องตระกูลวีสลีย์นั้นเอง

และจะเจอโมเดลขนาดใหญ่ของ โรงเรียนพ่อมดแม่มดศาสตร์ฮอกวอตส์ โดยส่วนตัวเป็นติ่งแฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่แล้วเป็นทุนเดิม และมาเจอกับฮอกวอตส์แบบนี้…ติ่งตายอย่างสงบ ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้หรือติ่ง harry potter ตัวยง และได้มาที่นี่คุณจะรู้สึกว่าคุณได้หลุดเข้ามาในโลกเวทมนตร์แล้ว บรรยากาศเหมือนจริงมากๆ ทั้งโรงเรียนฮอกวอตส์ ส่วนต่างๆ ของโรงเรียนก็ทำออกมาได้เหมือนจริง อีกทั้งตรอกไดแอกอนก็ทำออกมาได้บรรยากาศดีมาก มันคงเป็นความรู้สึกว่าเราเป็นนักเรียนของที่นี่ไปแล้ว

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focuson

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com

Categories
focus on travel

แต่งกายแบบ แม่การะเกดสไตล์

ออกไปเที่ยวงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ จัดเต็มตาม ชุดไทย แม่การะเกด

แม่การะเกด เอ่ยชื่อมาคงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาคงมีหลายคน ติดหูกับชื่อนี้ แม่การะเกด เป็นชื่อตัวละคร ที่รู้จักกันในละครพีเรียดเรื่องดัง ทางช่อง 3 ที่กลายเป็นกระแสฮือฮามาก ในช่วงหนึ่งเลยก็ว่าได้ นั้นคือละครเรื่องบุพเพสันนิวาส มันคือละครพีเรียดที่ไม่เหมือนละครพีเรียดอื่นเลย เป็นละครพีเรียดเรื่องเดียวที่ทำให้ตัวผมชอบดูละครทีวีเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โชคดีเป็นอย่างมากที่จังหวัดที่ผมอยู่อยู่ใกล้ๆ กับจังหวัดลพบุรี

หลายคนอาจจะงงว่าลพบุรีเกี่ยวอะไรกับละครเรื่องบุพเพสันนิวาส สืบเนื่องจากว่าในละครเรื่องบุพเพสันนิวาสเกิดขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และจังหวัดลพบุรีก็เป็นที่ตั้งของวังของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิต

แต่งกายแบบแม่การะเกดสไตล์ ออกไปเที่ยวงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์
แต่งกายแบบแม่การะเกดสไตล์ ออกไปเที่ยวงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์

ท่านชอบประภาสเที่ยวที่จังหวัดลพบุรีเป็นอย่างมาก เลยจัดสร้างวังขึ้นที่ลพบุรีเสียเลย เพราะเหตุนี้เองทำให้วังนารายณ์ชื่อเต็มของวังแห่งนี้คือ วังนารายณ์ราชนิเวศน์นั้นเอง และในทุกปีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานลพบุรี จะจัดงานอยู่งานหนึ่งซึ่งเป็นงานประจำปีของจังหวัดลพบุรีเลยก็ว่าได้งานนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกก็คือ งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์

งานนี้ถูกจัดขึ้นที่วังนารายณ์ราชนิเวศน์และสถานที่โบราณที่อยู่รายล้อมวังนารายณ์ราชนิเวศน์แห่งนี้ งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ถูกจัดขึ้นมาหลายปีจึงไม่แปลกเลยที่จะเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกหรือถ้าจะพูดง่ายๆ คือทั้งคนไทยและชาวต่างชาติต่างชื่นชอบที่จะมาเที่ยวงานนี้ในทุกๆ ปี งานนี้จะจัดขึ้นทุกเดือนกุมภาพันธ์เป็นเวลา 9 วัน 9 คืน บางครั้งอาจจะเพิ่มมาเป็น 10 วัน 9 คืนก็เป็นได้

งานนี้มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือนักท่องเที่ยวทุกคนไม่ว่าจะคนไทยหรือชาวต่างชาติต้องแต่งกายด้วยชุดไทยสมัยก่อนไม่ว่าจะเป็นสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ชุดไทยสมัยกรุงธนบุรี ชุดไทยประยุกต์ ชุดไทยในสมัยรัชกาลที่ 1 ขอบอกเลยว่าถ้าใครใส่ชุดธรรมดามาเที่ยวงานสมเด็จพระนารายณ์นี้เป็นที่จับตามองของทุกคนในงานเปรียบเสมือนการแต่งตัวของแม่การะเกดที่หลงยุคมาในยุคของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนี่เอง 

แต่งกายแบบแม่การะเกดสไตล์ ออกไปเที่ยวงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์
แต่งกายแบบแม่การะเกดสไตล์ ออกไปเที่ยวงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์

ภายในงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนี้ บรรยากาศภายในงานจะเป็นการเสมือนการจำลอง บรรยากาศภายในวังสมัยก่อนที่สามารถให้ประชาชนที่อยู่นอกวังเข้ามาขายของบริเวณรอบวังหรือภายในวังก็ได้ ส่วนใหญ่บุคคลที่สามารถเข้ามาขายของภายในวังได้ในสมัยนั้นอาจจะเป็นพวกขุนนางมาขายกันเสียเอง

มีของทานมากมายให้เลือก ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารและเครื่องดื่มในสมัยก่อน ไฮไลต์หรือส่วนสำคัญในงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์แห่งนี้ก็คือ ตลาดย้อนยุคนั่นเองเพราะอะไรที่ทำให้ตลาดย้อนยุคเป็นไฮไลต์ของงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ในทุกๆ ปี

แต่งกายแบบแม่การะเกดสไตล์ ออกไปเที่ยวงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์
แต่งกายแบบแม่การะเกดสไตล์ ออกไปเที่ยวงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์

เหตุผลคือ…เมื่อเดินเข้ามาในโซนของตลาดย้อนยุคแห่งนี้แล้ว พวกเราจะไม่สามารถใช้เงินปัจจุบันซื้อของใช้ของกินภายในตลาดย้อนยุคแห่งนี้ได้ แต่ไม่ต้องกังวลเพราะจะมีซุ้มให้แลกเงินเป็นเงินสมัยก่อนกล่าวคือจะมีอยู่ 3 อย่าง ประกับ (เป็นเงินตราที่ทำด้วยดินเหนียวที่มีลักษณะแผ่น) จะแทนค่าเงิน 20 บาท หอยเบี้ย 10บาท และ พดด้วง 5 บาท นั่นเอง เมื่อแลกเสร็จแล้วจะนำไปแลกคืนเป็นเงินสดหรือเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็ได้ ภายในตลาดย้อนยุคจะมีของทานเล่นที่

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เว็บไซต์ focusontour.com หรือติดตามที่เที่ยวอื่นๆได้ที่ page facebook

Categories
focus on travel

เที่ยวงาน อุ่นไอรัก

แต่งไทยร่วมสมัยเที่ยวงาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว

นอกจากที่จังหวัดลพบุรีที่ทุกๆปี จะต้องจัดงานประจำปีทุกปีอย่าง งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยให้นักท่องเที่ยวแต่งตัวเป็นชุดไทยสมัยก่อนแล้ว ทางจังหวัดกรุงเทพมหานครก็ได้จัดงานที่มีคอนเซ็ปต์คล้ายกับงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเหมือนกัน

นั่นคืองานอุ่นไอรัก คลายความหนาว ภายในงานนี้จะถูกออกแบบให้มีความคล้ายคลึงกับงานฤดูหนาวในสมัยก่อนหรือที่เรียกว่า งานฤดูหนาวย้อนยุค จุดประสงค์ของงานนี้คือให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติได้เห็นถึงขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของประเทศไทยหรือสยามในสมัยเมื่อคราวก่อน

งาน อุ่นไอรัก
งาน อุ่นไอรัก

งานอุ่นไอรัก คลายความหนาวที่จัดขึ้น ณ บริเวณ สนามเสือป่าและพระราชวังดุสิต เมื่อเดินผ่านจุดคัดกรองแล้ว เราจะเห็น แผนผังขนาดใหญ่ที่แสดงให้เห็นถึงจุดสำคัญหรือสถานที่ภายในงาน อุ่นไอรัก มีทั้งหมด 26 จุดด้วยกัน เช่น ร้านค้าในพระบรมวงศานุวงศ์ โรงพักสรรพยา เรือพระที่นั่ง ที่ได้นำมาตั้งโชว์ถึง 4 ลำ เป็นต้น

บริเวณลานกว้างหน้าพระราชวังดุสิตจะถูกจัดอย่างสวยงามด้วยดอกไม้นานาพันธุ์หลากสีสัน และจะมีจุดหนึ่งของลานกว้างนี่ที่เป็นที่สะดุดตาของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภายในงานนั้นคือ การจำลองพระที่นั่งที่มีชื่อว่า “พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์” ซึ่งพระที่นั่งของจริงจะตั้งอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

เดินถัดมาอีกสักพักจะได้เจอกับพระบรมรูปทรงม้ารัชกาลที่ 5 นักท่องเที่ยวสามารถมาสักการะได้โดยที่จะมีพานดอกไม้เตรียมไว้ให้และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ตรงกลางลานจะเป็นที่จัดแสดงเรือพระที่นั่ง เช่น เรือพระที่นั่งที่มีหัวเป็นพญานาค 8 เศียร อย่างพญาอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งลำนี่จึงมีชื่อว่า “เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช”

เมื่อมีพญานาคก็ต้องมีคู่ปรับตลอดกาลอย่างพญาครุฑ เรือพระที่นั่งลำนี้มีลักษณะเด่นอยู่ที่หัวเรือโดยจะมีรูปของพญาครุฑตั้งอยู่และมีพระนารายณ์ยืนอยู่บนตัวพญาครุฑ เรือนั้นจึงมีชื่อว่า “เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ” และเรือพระที่นั่งที่เราเห็นกันบ่อยครั้งคือ “เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์”

และจุดที่ดึงดูดหรือที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจอีกอย่างคือมุมตลาดไทยที่มีของทานเล่นแบบไทยแท้ตั้งอยู่ที่นี่เราจะเจอกับอาหารที่ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยๆ เช่น ล่าเตียง หรือภาษาชาวบ้านจะเรียกว่าหนุ่มล่าเตียงเป็นอาหารในวังจัดเป็นอาหารคาวหวานชนิดหนึ่ง ซึ่งล่าเตียง1 ชุด ราคา 60 บาท ถัดมาจะเป็นการทำขนมสัมปันนี ขนมไทยโบราณที่มีกลิ่นหอมอ่อนเพราะผ่านการอบควันเทียน

เมื่อกัดเข้าไปถึงกับละลายในปากมีลักษณะเป็นดอกไม้ขนาดเล็ก ขนมลูกชุบผลไม้ต่างๆ มีการโชว์การร้อยมาลัยแบบร้อยตุ้มสไตล์แม่หญิงในวังหลวง โชว์การปักสไบแบบย้อนยุคให้ออกมาสวยงาม สไบที่เสร็จแล้วจะมีความสวยงามละเมียดละมัยบรรจงเป็นอย่างมาก

มีการสอนทำพวงมโหตร ( พวง- มะ-โหด ) พวงมโหตรจะทำจากกระดาษหลากหลายสีสัน ถือว่าพวงมโหตรเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่เขาจะนำพวงมโหตรไปแขวนไว้ในงานบุญต่างๆ ของคนไทย เป็นภูมิปัญญาของไทยเราที่มีความสวยงามมาก 

งาน อุ่นไอรัก
งาน อุ่นไอรัก
งาน อุ่นไอรัก
งาน อุ่นไอรัก

บริเวณที่อยู่ข้างจะเป็นการแสดงการทำหัวโขนที่ใช้ในการแสดงโขนต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่การแสดงโขนจะนิยมแสดงเรื่องรามเกียรติ์  . ยังมีอีกหลายร้านที่ผมยังไปไม่หมดแต่โดยรวมแล้วงานนี้นอกจากจะได้ความสนุก และความรู้แล้ว ยังจะได้ความอิ่มเอมใจกลับไปด้วย ถ้าหากสถานการณ์ดีขึ้น เราอาจจะได้เห็นงานนี้กลับมาอีกครั้ง

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com

Categories
focus on travel

“บึงฉวาก”

บึงฉวาก อควาเรียมแห่งเมืองขุนแผน

เมื่อมาเที่ยวสุพรรณบุรีก็ต้องไปดูปลาที่บึงฉวาก สุพรรณบุรีเป็นอีก 1 จังหวัดที่หลายคนเลือกใช้วันหยุดกับการมาท่องเที่ยวที่จังหวัดนี้ ทั้งตลาดน้ำสะพานโค้ง วัดอัมพวัน อุทยานมังกรสวรรค์ที่มีรูปปั้นมังกรตั้งตระหง่านอยู่อย่างสวยงาม แต่ยังมีอีก 1 สถานที่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดสุพรรณบุรีนั้นคือ บึงฉวากหรือชื่อเต็มคือ “บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ” ที่นี่เปรียบเสมือนอควาเรียมน้ำจืดที่มีชื่อเสียงมากอีกที่หนึ่งในประเทศไทย

บึงฉวาก
บึงฉวาก

บึงฉวากเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์และสามารถเข้าถึงสัตว์ได้อย่างปลอดภัยภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ของบึงฉวาก นอนจากสถาวิจัยทางทะเลที่ชลบุรี ก็จะมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหรือบึงฉวากที่สุพรรณบุรีที่ใกล้กับจังหวัดกรุงเทพมหานคร บึงฉวากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีขนาดใหญ่มากโดยที่มีเนื้อที่โดยประมาณ 2,690 ไร่ และยังถูกตั้งเป็นเขตล่าสัตว์อีกต่างหาก โดยจะมีค่าเข้าชมอยู่ที่ ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 50 บาท. ซึ่งถ้าพูดถึงไฮไลท์ของบึงฉวากคือ

อาคารที่ใช้จัดแสดงของพันธุ์สัตว์น้ำ ซึ่งภายในอาคารนี้จะเป็นรูปแบบของอุโมงค์ขนาดใหญ่และเป็นอุโมงค์ปลาน้ำจืดแห่งแรกของไทย เมื่อเดินเข้าไปด้านในของอาคารจะเจอกับตู้ปลาที่มีลักษณะแปลกคือเป็นรูปแบบของทรงกระบอก และจะมีตู้ปลาอยู่บริเวณรอบไป มีทั้งพันธุ์สัตว์น้ำมากมายทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม

และยังถูกแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ตามสายพันธุ์ของสัตว์น้ำ เช่นโซนสัตว์น้ำเค็มจะมีทั้งปลากระเบน ปลาสิงโต ปะการัง เป็นต้น และมีตู้ที่มีปะการังสีน้ำเงินที่ส่งตรงจากเมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น และในโซนของสัตว์ทะเลหรือสัตว์สายพันธุ์น้ำเค็มจะมีอุโมงค์ที่มีปลาขนาดใหญ่ว่ายรอบๆอยู่นั้นคือ ฉลาม และส่วนใหญ่จะเป็นฉลามครีบดำ

แล้วยังมีการแสดงให้อาหารโดยที่จะมีแค่ วันเสาร์ วันอาทิตย์ รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยจะแบ่งเวลาแค่ 1 รอบคือ ช่วงเวลา บ่าย2 ถึง บ่าย3 โมง เมื่อเดินออกมาจากอาคารจะเจอกับ ลานกว้างที่มีสัตว์ดุร้ายชนิดหนึ่งจัดแสดงอยู่คือ จระเข้น้ำจืด แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย เราจะอยู่ดูจระเข้จากข้างบนและมีลูกกรงคอยกั้นอยู่  จุดนี้จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นธรรมชาติของจระเข้อย่างแท้จริง จระเข้ทุกตัวอ้วนอุดมสมบูรณ์มาก 

บึงฉวาก
บึงฉวาก
บึงฉวาก
บึงฉวาก

นอกจากจะมีการแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดและปลาน้ำเค็ม และจระเข้ ก็ยังมีสวนสัตว์อยู่ด้วย มีทั้ง หมี กวาง เสือ สิงโต เสือดาว และเสือขาว ยังมีกรงนกขนาดใหญ่เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นนกหลากหลายชนิดบินอย่างอิสระ ผมถูกใจกับนกชนิดหนึ่งที่สวยงามสะกดสายตามากคือ “นกเงือกหัวแรด” และยังมีการจัดแสดงพันธุ์ของไก่ เช่น ไก่ฟ้าพญาลอ

และไก่ป่าที่สวยงาม และสำหรับคุณหนูๆ ที่ชอบกระต่ายที่นี่ก็จัดสร้างเกาะกระต่ายขึ้นมาเพื่อให้คุณหนูๆ ได้เห็นและสัมผัสกับกระต่ายเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด จะมีลิงอุรังอุตังเป็นพนักงานงานที่จะคอยชวนให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกับตัวมันเอง และยังสามารถถ่ายรูปกับม้าได้เช่นกัน สำหรับพ่อบ้านที่ชอบการปลูกผักอยู่บ้านที่บึงฉวากยังมีการจัดโซนของผักพืชบ้านไว้อยู่ด้วย ซึ่งได้รวบรวมชนิดของผักพื้นบ้านไว้มากถึง 500 อย่าง

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com