Categories
focus on travel

ทัวร์ย้อนวันวาน ณ ปราสาทสด๊กก๊อกธม

                 จังหวัดสระแก้วนั้นเดิมเคยเป็น อ.สระแก้ว อยู่ใน จ.ปราจีนบุรี แต่ก็ได้แยกตัวอออกมาเป็นจังหวัดสระแก้วนานหลายปีแล้ว และเมื่อเอ่ยถึงสระแก้ว สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึงก็หนีไม่พ้น ตลาดโรงเกลือ แหล่งชอปปิงสินค้าราคาถูก ทั้งสินค้าแฟชั่น และของใช้ต่างๆ แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าเมืองสระแก้วขอบชายแดนไทย-กัมพูชาแห่งนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย รอให้ไปสัมผัสและเรียนรู้ เช่น โบราณสถานปราสาทหินขนาดใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออกที่มีชื่อว่า ปราสาทสด๊กก๊อกธม

                ปราสาทสด๊กก๊อกธม เดิมมีชื่อว่า ปราสาทเมืองพร้าว ตั้งอยู่ ณ บ้านหนองเสม็ด ต.โคกสูง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว คำว่า “สด๊กก๊อกธม” เป็นภาษากัมพูชามีความหมายว่า “เมืองที่มีต้นกกขึ้นรกในหนองน้ำใหญ่” ซึ่งปัจจุบันก็ยังพอมองเห็นหนองน้ำใหญ่ในอดีตอยู่ใกล้ๆ ปราสาทนั่นเอง

               ประสาทแห่งนี้เป็นปราสาทหินในวัฒนธรรมเขมรที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออก และมีความสำคัญต่อการศึกษาวิชาประวัติศาสตร์และโบราณคดี เนื่องจากพบจารึกซึ่งกล่าวถึงลำดับราชวงศ์เขมร ช่วยให้การลำดับราชวงศ์เขมรมีหลักฐานอ้างอิงชัดเจนมากขึ้น

                ปราสาทสด๊กก๊อกธม สร้างด้วยหินทรายและศิลาแลง โดยจากรูปแบบทางสถาปัตยกรรมสามารถสันนิษฐานได้ว่าเริ่มสร้างในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 15 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 16 แต่ยังไม่แล้วเสร็จ และมีอันต้องล้มเลิกการก่อสร้างไปเสียก่อน ปราสาทแห่งนี้ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน คือ ตัวปราสาทและบาราย (สระน้ำ) ในส่วนของตัวปราสาทจะมีกำแพงแก้วล้อมรอบ สามารถเข้าออกได้ 2 ด้าน คือ ด้านทิศตะวันออกเป็นซุ้มประตูหลักสำหรับเข้าออก และด้านทิศตะวันตกเป็นซุ้มประตูหลอกขนาดเล็ก

                องค์ปราสาทประธานมีซุ้มประตู 4 ด้าน ด้านทิศตะวันออกก่อยอดเป็นเรือนปราสาท ซึ่งแตกต่างจากซุ้มประตูของปราสาทองค์อื่นๆ ระหว่างซุ้มประตูทั้ง 4 มีวิหารระเบียงคดที่มีหลังคาหินทรายและหลังคาอิฐมุง ด้านนอกก่อทึบ ด้านในเว้นเป็นเสาเรียงเชื่อมต่อเป็นรูปสี่เหลี่ยม บริเวณวิหารคดมีบรรณาลัย 2 หลัง ตามแนวเหนือ-ใต้ กึ่งกลางปราสาทเป็นปราสาทประธานขนาดใหญ่ ลานด้านในปูพื้นศิลาแลงทั้งหมด

มีการประดับเสานางเรียงตรงทางเดินเข้าและบริเวณรายรอบปราสาทประธาน นับเป็นการวางผังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของ ปราสาทสด๊กก๊อกธม อีกทั้งยังมีสระน้ำกว้างใหญ่รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสอยู่ด้านหน้าปราสาท ซึ่งปัจจุบันแม้น้ำจะเหือดแห้งไปแล้ว แต่ก็ยังพอมองเห็นแนวคันดินรอบสระได้ ถัดจากสระน้ำมีทางเดินก่อด้วยศิลาแลงมุ่งหน้าตรงไปยังปราสาท สองข้างทางปักเสาเรียงเป็นระยะ แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์และพิธีกรรมมากมายที่เคยเกิดขึ้น ณ ปราสาทแห่งนี้

              หากใครมีโอกาสได้มาเที่ยวที่จังหวัดสระแก้ว ก็อย่ามัวชอปเพลินอย่างเดียว ลองแวะไปเที่ยวแหล่งโบราณสถานที่น่าสนใจอย่าง ปราสาทสด๊กก๊อกธม กันดูบ้าง ก็จะดีไม่น้อย

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว

Categories
focus on rest

แนะนำ พิกัด 5 ออนเซ็น ในกรุงเทพ ไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่น

               จะแช่ ออนเซ็น ทั้งทีใครว่าต้องไปที่ญี่ปุ่น! บอกเลยจ้าตอนนี้ประเทศไทยของเราก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าญี่ปุ่นเลย เพราะประเทศเราก็มีสถานที่แช่ออนเซ็นดี ๆ โดน ๆ ที่เหล่าสาวกทั้งหลายห้ามพลาด อย่ารอช้าไปเช็คอิน 5 โลเคชั่นสำหรับ แช่ออนเซ็น สไตล์ญี่ปุ่นสุดชิล ในกรุงเทพมหานคร กันเถอะ!  

พิกัด 5 ออนเซ็น ในกรุงเทพ ไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่น

  1. Yunomori Onsen & Spa (ยูโนะโมริ ออนเซน แอนด์ สปา)

                ออนเซ็นแห่งแรกในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ที่สุขุมวิท 26 มีทั้งบ่อน้ำร้อนในร่ม และบ่อกลางแจ้งตกแต่งสวยในสไตล์ญี่ปุ่น ได้ฟีลเหมือนไปชิลที่ญี่ปุ่นจริงๆ ที่นี่จะแยกชายหญิงชัดเจน สามารถอยู่ได้ทั้งวัน โดยการเข้าใช้บริการผู้ชายไม่อนุญาตให้ใส่เครื่องนุ่งห่มใดๆ ส่วนผู้หญิงทางสปามีชุดชั้นในให้สวมใส่ได้ แต่ใครที่สามารถเปลือยผ้าได้อย่างไม่เขินอายแล้วนั้น ก็ชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนแล้วลงบ่อได้เลย

พิกัด:  โครงการ A-Square สุขุมวิท26 (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: พร้อมพงษ์)

เวลาเปิดทำการ:  ทุกวัน 09.00 -00.00 น.

โทร : 0-2259-5778

  • Let’s Relax Onsen and Spa (เลท รีแลกซ์ ออนเซน แอนด์ สปา)

               อนเซนสไตล์ญี่ปุ่นใจกลางกรุงเทพฯ อีกหนึ่งแห่งที่ใหญ่และครบวงจรมากที่สุด ตั้งอยู่บนโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์พอยท์ ย่านทองหล่อ บรรยากาศเหมือนอยู่ญี่ปุ่นแท้ๆ โดยโซนออนเซนของที่นี่มีบ่อน้ำแร่ให้บริการทั้งหมด 5 บ่อด้วยกัน ซึ่งส่งตรงมาจากแหล่งน้ำที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ มีสรรพคุณช่วยบำบัดร่างกายและบำรุงผิวพรรณที่แตกต่างกัน  ปล่อยร่างกายให้ผ่อนคลาย  พร้อมการนวดสปา ด้วยสมุนไพรสดแท้แบบไทยต้นตำรับในบรรยาสแบบสบายๆ

พิกัด: โรงแรม Grande Centre Point เลขที่ 300 ถนนสุขุมวิท ซอย 55 (ทองหล่อ) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

เปิดบริการ : 10.00-24.00 น.

โทร : 0-2042-8045

  • PAPURI WELLNESS & ONSEN (ปัญญ์ปุริ เวลเนส แอนด์ ออนเซน)

       Panpuri Wellness ที่สุดแห่งที่ผ่อนคลายและเติมพลังงานชีวิตให้กับคนเมืองในย่านใจกลางกรุงเทพฯ ที่นี่จะมีบริการบ่อแช่ออนเซ็นแบบส่วนตัว 2 ห้อง และบ่อออนเซ็นพับบลิค 5 บ่อ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนกรุงที่ต้องการพักผ่อน นอกจากนี้ก็ยังมีห้องสปาทรีทเม้นท์ ห้องนวดไทย เวลเนส บาร์ และ เวลเนสสตูดิโอที่จะให้คำแนะนำในเรื่องของสุขภาพ

สำหรับค่าบริการออนเซน ผู้ใหญ่ 750 บาท เด็ก 450 บาท โดยสามารถอยู่ภายในออนเซนได้ทั้งวัน พร้อมมีโซนพักผ่อนและชุดคลุมออร์แกนิกให้บริการ ซึ่งเราสามารถมานั่ง-นอนเล่นชิลๆ ก่อนจะกลับไปแช่ออนเซนใหม่ก็ได้ หรือเปลี่ยนไปทำกิจกรรมสุขภาพที่น่าสนใจอื่นๆ

ทั้งนวดสปาออร์แกนิก, ห้องสตีมและห้องซาวน่าเกลือหิมาลัย ช่วยระบบหายใจ บรรเทาโรคหอบหืด ภูมิแพ้ ไซนัส และดีท็อกซ์สารพิษ หรืออาหารเพื่อสุขภาพ(ออร์แกนิก 100%) และเครื่องดื่ม Cold Pressed (ปกติเซตละ 1,170 บาท) ที่มักมีโปรโมชั่นราคาพิเศษอย่างสม่ำเสมอ ให้เราได้เลือกสั่งมาปรนนิบัติสุขภาพกันอย่างครบวงจร ก็พร้อมบริการเช่นกัน

พิกัด: ชั้น 12 เกษรวิลเลจ ถนนเพลินจิต เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

เปิดบริการ : 10.00-22.00 น.

โทร : 0-2656-1199, 0-2275-6097

  • Kashikiri Onsen and Spa (คาชิคิริ ออนเซน แอนด์ สปา)

ที่นี่เหมาะกับคนไทยที่ยังไม่คุ้นชินกับการเปลื้องผ้าแช่ออนเซ็น กับที่นี่แล้วตอบโจทย์มากๆ  เพราะ Kashikiri Onsen and Spa เป็นแบบออนเซนส่วนตัว อยู่ในห้องที่ปิดมิดชิดให้เราสามารถเปลื้องผ้าลงแช่ได้อย่างไม่ต้องหวาดหวั่นสายตาใคร แต่หากใครที่มาเป็นคู่ ไม่ว่าจะคู่เพื่อนหรือคู่รัก แล้วอยากจะเอ็นจอยด้วยกัน ก็สามารถเลือกใช้บริการห้องแบบ

Connecting Room ก็มีบริการเช่นกันไว้ให้เราได้แช่น้ำแร่ เพื่อสุขภาพและผิวพรรณโดยไม่ต้องเขินอีกด้วย และที่สำคัญออนเซ็นที่นี่ต่างจากที่อื่นด้วย โซดาออนเซ็น ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดในการดูแล ฟื้นฟู สุขภาพและผิวพรรณจากญี่ปุ่นในบรรยากาศสบายๆ

สำหรับราคาค่าบริการแช่ออนเซ็นที่นี่จะใช้เวลาราว 45 นาที ค่าบริการสำหรับออนเซนอย่างเดียว 700 บาท หลังจากนั้นยังมีบริการนวดสปาและนวดเพื่อสุขภาพต่างๆให้เราได้เลือกผ่อนคลายกันอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเราสามารถซื้อเป็นแพ็คเกจออนเซนพร้อมนวดสปาได้เช่นกัน

พิกัด: 12 สุขุมวิท 101/1 ซอยวชิรธรรม 32 เขตบางนา กรุงเทพฯ

เปิดบริการ : 11.00-21.30 น.

โทร : 08-1857-6424

  • Y SPA (วาย สปา)    

ปิดท้ายกันที่ Y SPA สำหรับที่นี่ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ออนเซนตำรับญี่ปุ่น แต่เป็นโรงอาบน้ำและซาวน่าสไตล์เกาหลีครบวงจร ซึ่งมีบริการเกี่ยวกับสุขภาพด้วยกันหลากหลายประเภท ทั้งนวดสปา ซาวนา ฟิตเนส รวมถึงออนเซน เป็นแบบรวมชาย-หญิง แต่ทางสปาจะมี underwear เตรียมไว้บริการให้ หรือเราสามารถพกชุดว่ายน้ำแบบวันพีชสีสุภาพมาเองก็ได้

และหากใครที่ชอบความเป็นส่วนตัว ทางสปาก็มีบ่อส่วนตัว(แยกชายหญิง) บริการเช่นกัน แต่มีจำกัดเพียงห้องละ 1 บ่อเท่านั้น  สำหรับค่าบริการออนเซนและซาวนา 550 บาท/คน ซึ่งราคานี้เราสามารถอยู่ภายในสปาได้ทั้งวัน โดยยังไม่รวมฟิตเนส, โปรแกรมนวดสปาและบิวตี้คอร์สต่างๆที่มีบริการ เช่น Nail Design(เพ้นท์เล็บ) เป็นต้น

พิกัด: ชั้น 10 ตึกFood Land (ข้างโรงแรมคอลัมน์ แบงค็อก) สุขุมวิท16

เวลาเปิดทำการ:  ทุกวัน 09.00 -22.00 น.

โทร 02-302-2240

                ที่ใครที่อยากแช่ออนเซ็นก็คงมีทางเลือกกันเพิ่มขึ้นแล้วนะคะ ไม่ต้องเสียเงินไปไกลถึงญี่ปุ่น แค่ในกรุงเทพฯ ก็ฟินได้ ทั้งบรรยากาศ และบริการ ราคาเบา ๆ แต่ก็ได้อรรถรสสไตล์ญี่ปุ่น ใครสะดวกที่ไหนก็ลองไปใช้บริการการดูนะคะ

ฝากติดตามที่พักตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ focusonrest 
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว

Categories
focus on travel

รับลมชมดอกไม้งาม ณ ภูสอยดาว

                 ภูสอยดาว นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้ชื่อว่ามีธรรมชาติอันงดงาม ซึ่งผสานความงามของป่าสน ทุ่งหญ้า และทุ่งดอกไม้ที่แข่งกันผลิบานในช่วงฤดูฝนเข้าไว้ด้วยกัน ฉะนั้นในช่วงฤดูฝนจึงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้พบกับภาพความงามตามธรรมชาติหลายๆ อย่าง ที่พร้อมใจกันอ้าแขนต้อนรับนักท่องเที่ยว ทั้งสายน้ำตกอันเย็นฉ่ำ และทุ่งดอกไม้ที่ผลิบานตามช่วงฤดูกาล

                   อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัดคือ พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ แถมยังคาบเกี่ยวถึง 2 ประเทศคือ ไทย และสปป.ลาว อีกด้วย ซึ่งทางขึ้นภูจะมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ในเขตของป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด ก่อนขึ้นจะพบกับ น้ำตกภูสอยดาวชั้นที่ 1 อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ เป็นน้ำตกสูง 5 ชั้น มีน้ำไหลตลอดปี โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนน้ำจะแรงและสวยงามที่สุด เดินเท้าต่อไปจะพบกับ เนินส่งญาติ เป็นเนินเขาที่สูงชันยาวหลายร้อยเมตร

แต่ถ้าใครไม่ถนัดก็มีทางเลี่ยงโดยเดินทวนสายน้ำตกแล้วตัดขึ้นสันเขา ก็จะไม่ชันเท่า พ้นเนินส่งญาติก็มาพบกับ เนินปราบเซียน เป็นเนินเขาสูงชันที่ไต่ไปตามสันเขา และมีหุบทั้ง 2 ฝั่ง ด้านซ้ายเป็น ห้วยน้ำพาย ด้านขวาเป็น ลำน้ำภาค ที่แบ่งรอยต่อระหว่างพิษณุโลกกับอุตรดิตถ์ จากนั้นก็มาถึง เนินเสือโคร่ง และเป้าหมายสำคัญคือ เนินมรณะ ซึ่งเป็นเนินที่สูงชันมาก พ้นจากจุดนี้แล้ว ก็จะได้พบกับทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ และป่าสนที่สวยงามของ ลานป่าสนภูสอยดาว ซึ่งใช้เวลาเดินเท้ารวมประมาณ 5 ชั่วโมง

                 จุดตั้งแค้มป์จะถูกกำหนดไว้โดยทางอุทยานฯ ช่วงเย็นสามารถชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกอันสวยงามได้ที่ริมหน้าผา ยิ่งวันไหนถ้าสภาพอากาศเปิด ก็จะได้ชมภาพธรรมชาติที่งดงามสุดตระการตา ทั้งวิวด้านล่าง และวิวป่าสน

                 ในช่วงฤดูฝน สภาพธรรมชาติที่ภูสอยดาวจะถูกโอบล้อมด้วย ดอกหงอนนาค ที่เบ่งบานเต็มท้องทุ่ง ซึ่งไม่มีทุ่งดอกหงอนนาคที่ไหนสวยงามเท่ากับภูสอยดาวอีกแล้ว และเมื่อเริ่มหมดฝน ก็จะมีดอกไม้อย่างอื่นบานทดแทนขึ้นมา สร้างสีสันและความสวยงามได้อย่างต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวจึงสามารถเที่ยวชมทุ่งดอกไม้ป่านานาพันธุ์ได้ตลอด นอกจากนี้ยังมี น้ำตกสายทิพย์ ที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดเล็ก ที่เราสามารถเดินเที่ยวได้ครบทุกชั้น

                 ภูสอยดาว จึงถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่อุดมไปด้วยทุ่งดอกไม้หลากชนิด ซึ่งผลัดเปลี่ยนกันผลิบานให้เราสามารถเที่ยวชมกันได้อย่างเต็มอิ่มในทุกฤดูกาล

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว

Categories
focus on rest

5 ที่พักด่านช้าง สุพรรณบุรี  ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ก็ฟินได้!

วันนี้เราจะพาคุณ ๆ ไปที่เมืองที่มากด้วยเรื่องราว แหล่งมากด้วยศิลปิน อย่างสุพรรณบุรี ไปไหว้พระ เที่ยวบึงฉวาก เที่ยวชมเชื่อน และเลือกสถานที่พักผ่อนใกล้ธรรมชาติ โดยวันนี้เราเลือกพักกันที่อำเภอด่านช้าง อำเภอในสุพรรณบุรีที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักนัก แต่ที่นี่กลับมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอ่างเก็บน้ำต่างๆ รวมถึงเขื่อนกระเสียว ที่หลายคนพอจะได้ยินมาบ้าง เชื่อว่าต้องโดนใจสายแคมป์ปิ้งแน่นอน เพราะถ้าได้มาจะต้องร้องว้าวชัวร์ จะมีที่ไหนบ้างมาดูกันเลย

5 ที่พักด่านช้าง สุพรรณบุรี  ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ก็ฟินได้!

1.อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง, สุพรรณบุรี

หรือชื่อที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดีในนาม ปางอุ๋งสุพรรณ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม คล้ายคลึงกับปางอุ๋งที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อเข้าพักจะได้สัมผัสบรรยากาศที่เย็นสบาย นั่งชมวิวริมอ่างเก็บน้ำหุบเขาวง หรือหากใครอยากสัมผัสบรรยากาศอย่างเต็มอิ่ม ที่นี่มีที่พักแพให้บริการด้วย มีทั้งแพขนาดเล็กและแพขนาดกลาง แต่จำนวนไม่มากนัก มีความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบสุดๆ หรือจะมากางเต็นท์ก็ได้ บริเวณลานกางเต็นท์ริมอ่าง แม้ว่าจะเป็นที่พักริมอ่างเก็บน้ำแต่ที่นี่ก็มีร้านค้าสหกรณ์ชุมชนให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว หรือใครอยากล่องเรือชิลล์ๆ ก็มีเรือให้ยืมเช่นกัน

Location: ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี

Phone: 092 493 3833

Facebook: อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง ปางอุ๋ง สุพรรณบุรี

2.แพ กิ่งกาญจน์ ฟิชชิ่ง&โฮมสเตย์ แคมป์คาร์ เขื่อนกระเสียว, สุพรรณบุรี

แคมป์ปิ้งบ้านพักและแพสำหรับคนรักการตกปลา แพ กิ่งกาญจน์ ฟิชชิ่ง&โฮมสเตย์ แคมป์คาร์ เขื่อนกระเสียว ให้คุณได้นอนเต็นท์ริมน้ำ พร้อมกับกิจกรรมทางน้ำ เช่น กระโดดน้ำ สไลด์เดอร์ พายเรือ ห่วงยาง ชูชีพ จักรยาน ฟรี! ตรงนี้แหละแหมมช่างดีต่อใจ และสำหรับสายกางเต็นท์ก็สามารถนำเต็นท์มาเองก็ได้หรือใครที่อยากนอนห้องแอร์เย็นที่นีก็มีห้องพักให้บริการ รวมถึงแพให้คุณได้เลือกพักผ่อนได้อย่างครบครันใกล้บรรยากาศธรรมชาติสุดร่มรื่น เห็นพระอาทิตย์ตก

Photo By: แพ กิ่งกาญจน์ ฟิชชิ่ง&โฮมสเตย์ แคมป์คาร์ เขื่อนกระเสียว

Location: 59 ม.3 ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี

Phone: 095 426 9458, 081 880 0394

Facebook: แพ กิ่งกาญจน์ ฟิชชิ่ง&โฮมสเตย์ แคมป์คาร์ เขื่อนกระเสียว

 3.ด่านช้าง กรีนวิว รีสอร์ท, สุพรรณบุรี

ด่านช้างกรีนวิวรีสอร์ท ที่พักท่ามกลางพื้นที่สีเขียว ร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่และลำธาร ที่นี่มีบ้านพักดีไซน์สุดเก๋ รองรับผู้เข้าพักได้ตั้งแต่ 2-6 คน มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ที่เชื่อมถึงกัน ภายในเต็มไปด้วยมุมพักผ่อนมากมาย ที่สามารถมอบความร่มรื่นให้คุณได้ตลอดทั้งวัน

Location: 67-68 ม.21 หมู่บ้านเขาน้ำแดง ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี

Phone: 082 299 8922

Facebook: ด่านช้าง กรีนวิว รีสอร์ท

4.ภูฟ้าน้ำ ออร์แกนิก ฟาร์มสเตย์, สุพรรณบุรี

อีกหนึ่งที่ที่หยิบมาแนะนำ ภูฟ้าน้ำ Organic Farmstay แคมป์ปิ้งและโฮมสเตย์ริมอ่างเก็บน้ำลำตะเพิน ที่นี่นั้นีบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับคนที่ต้องการพักผ่อนหลังจากเหนื่อยกับงานมาตลอดสัปดาห์ มีลานกางเต็นท์ให้คุณได้นอนริมน้ำ แนบชิดธรรมชาติ และยังมีบ้านพักแบบ Hut ราคาหลักร้อยให้บริการอีกด้วย ให้คุณจะได้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น วิวอ่างเก็บน้ำที่ถูกรายล้อมด้วยขุนเขาแบบพาโนรามา ตอนเย็นๆ ก็มานั่งล้อมวงปิ้งย่าง ฟีลดีเกินบรรยายเลย!

Location: 315 หมู่ 4 ต.องค์พระ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี

Phone: 089 897 1197

Facebook: ภูฟ้าน้ำ  Organic Farmstay

5.ด่านช้างแคมป์ปิ้งเฮ้าส์, สุพรรณบุรี

ด่านช้างแคมป์ปิ้งเฮ้าส์ ที่นี่มีบ้านพักท่ามกลางธรรมชาติ มีต้นไม้น้อยใหญ่ และธารน้ำเล็กๆ ไหลผ่าน ห้องพักมีทั้งแบบ พักได้ 4 คน, 3 คน และ 2 คน และยังมีบ้านพักหลังเล็กๆ น่ารักๆ อีก 2 หลัง สไตล์สุดเรียบง่าย และยังมี De’coffer river house คาเฟ่ในตัวที่พักด่านช้างแคมป์ปิ้งเฮ้าส์ ให้บริการในบรรยากาศริมน้ำสุดชิลล์อีกด้วย

Location: 296/3ม.1ต.ด่านช้างอ.ด่านช้างจ.สุพรรณบุรี

Phone: 089 065 0526

Facebook: ด่านช้างแคมป์ปิ้งเฮ้าส์

เป็นอย่างไรกันบ้างกับที่พักที่เรานำมาแนะนำในวันนี้สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศการพักผ่อนจากโรงแรมสุดหรูเป็นบรรยากาศแบบใกล้ชิดธรรมชาติ สไตล์บ้านๆ สำหรับใครที่กำลังวางแผนเที่ยวไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อย่างสุพรรณบุรีรายชื่อที่พักนี้น่าจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้บ้างไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับความชอบและสไตล์แต่ละครอบครัว วันหยุดนี้ของให้สนุกกับการเดินทางท่องเที่ยวกันนะคะ

ฝากติดตามที่พักตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ focusonrest 
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว