Month: August 2022

               ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของบางคน การได้ท่องเที่ยวแบบปล่อยพลังให้สุดเหวี่ยง ถือเป็นความสนุกที่ต้องการและโหยหามาตลอดสัปดาห์ แต่สำหรับบางคนแล้ว การได้เที่ยวพักผ่อนแบบสบายๆ ชิลๆ ไม่ต้องออกแรงมาก ถือเป็นทางเลือกที่ต้องการมากกว่า

ฉะนั้นวันนี้เราเลยจะขอแนะนำอีกหนึ่งสถานที่สำหรับการท่องเที่ยวแบบสบายๆ ไม่เหนื่อยกาย แถมยังได้ความสบายใจกลับมาด้วย สถานที่นั้นก็คือ เกาะลอย ศรีราชา ที่นอกจากจะมีธรรมชาติสวยๆ น้ำทะเลใสๆ ให้ได้ชมกันแล้ว ก็ยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และวิวถ่ายรูปดีๆ มีจุดเช็กอินมากมาย ให้ได้ฟินกันแบบไม่มีกั๊กอีกด้วย

               เกาะลอย เป็นเกาะในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี มีความโดดเด่นอยู่ที่สะพานคอนกรีตซึ่งทอดตัวยาวเหยียดจากฝั่งตัวเมืองไปจนถึงเกาะ ถือเป็นจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งให้นักท่องเที่ยวได้มานั่งชมพระอาทิตย์ตกในแบบสวยที่สุดของจังหวัดเลยก็ว่าได้ ทั้งชาวชลบุรีเองและจังหวัดใกล้เคียงจึงให้ความสนใจมาเที่ยวพักผ่อนที่นี่กันมาก ไม่เพียงเท่านั้นใน เกาะลอย ยังมีท่าเรือที่สามารถพานักท่องเที่ยวไปเที่ยวต่อยังเกาะสีชังได้แบบสบายๆ อีกด้วย

                และสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือความงดงามของ วัดเกาะลอยศรีมหาราชา โดยชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันก็คือ วัดเกาะลอย เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเก้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงอาราธนาพระสงฆ์มาจำพรรษาและบำเพ็ญพระราชกุศล โดยมีการพำนักที่สำนักสงฆ์เกาะลอย

               วัดเกาะลอยศรีมหาราชา แห่งนี้มีบันไดขึ้นไปถึงตัววัดจำนวน 70 ขั้น ผู้คนมักนิยมมากราบไหว้ หลวงพ่อทันใจ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในวัดเพื่อขอพร รวมถึงทำบุญถวายสังฆทาน หลังทำบุญกันเป็นที่เรียบร้อย หากเดินออกมาภายนอกวัด ก็ยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของวัดได้แบบรอบทิศทาง ชนิดที่เรียกว่ามองเห็นได้ทั่วเมืองศรีราชากันเลยทีเดียว ที่สำคัญคือสามารถมองเห็นเกาะสีชัง และท้องทะเลได้กว้างไกลแบบสุดลูกหูลูกตาอีกด้วย

               หากใครที่ต้องการใช้เวลาว่างในช่วงวันหยุดแบบสบายๆ ไม่ต้องเหนื่อยมาก แถมยังได้ใช้เวลาทั้งการเที่ยวพักผ่อน และไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปพร้อมๆ กัน ขอบอกเลยว่าที่ เกาะลอย ศรีราชา แห่งนี้ ตอบโจทย์อย่างแน่นอน เราสามารถเดินทางง่ายๆ ด้วยรถยนต์ โดยใช้ทางหลวงหมายเลขสามเดินทางจากตัวเมืองชลบุรีเข้าสู่อำเภอศรีราชา เมื่อถึงตัวเมืองให้เลี้ยวขวาไปตามเส้นที่ว่าการอำเภอ จากนั้นก็ให้ตรงไปจนสุดทาง ก็จะได้เจอกับ สะพานพระยาสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งทอดตัวยาวไปจนถึง เกาะลอย เลยทีเดียว

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว

              เชียงราย นับเป็นอีกหนึ่งจังหวัดทางภาคเหนือที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่หาดูได้ยากทั้งนั้น และทริปนี้เราจะพาไปเดินเท้าเข้าชม น้ำตกขุนกรณ์ ที่จังหวัดเชียงรายกัน แม้ว่าการเดินทางอาจไม่ได้สะดวกสบายมาก แต่พอถึงปลายทางรับรองว่าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแน่นอน

          วนอุทยานน้ำตกขุนกรณ์ ตั้งอยู่ในเขต ต. แม่กรณ์ และ ต.ห้วยชมภู อ.เมือง จ.เชียงราย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งซ้ายและป่าแม่กกฝั่งขวา มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 33 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว หรือรถสองแถวประจำทางสาย เชียงราย-บ้านปางริมกรณ์ ก็ได้ น้ำตกขุนกรณ์

แห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุด และตัวน้ำตกสูงที่สุดในจังหวัดเชียงราย เพราะมีความสูงกว่า 70 เมตร แถมยังมีน้ำที่ใสสะอาดปราศจากตะกอนหินปูน และมีน้ำไหลตลอดปี ซึ่งเดิมทีนั้นชาวบ้านเรียกที่นี่ว่า ตาดหมอก (คำว่า “ตาด” ในภาษาลาวแปลว่า น้ำตก)

              สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ใน วนอุทยานน้ำตกขุนกรณ์ เป็นหุบเขาล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชัน บนยอดเขาเป็นแหล่งต้นน้ำของน้ำแม่กรณ์ ซึ่งประกอบด้วยห้วยต่างๆ ไหลรวมกัน ตลอดทางเดินเข้าชมน้ำตกจะมีพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดขึ้นให้เห็นอยู่มากมาย ทั้งไม้ยืนต้น ไม้คลุมดิน เฟิร์น กล้วยไม้ และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนสภาพป่าก็สมบูรณ์มาก บอกได้เลยว่าสำหรับคนที่ชอบต้นไม้แล้ว ทริปนี้ถือว่าคุ้มจริงๆ

              ใครที่ชอบสัมผัสธรรมชาติ ที่นี่เค้ามีเส้นทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจตลอดเส้นทาง ระหว่างทางเดินจะได้ยินเสียงน้ำไหลผ่านโขดหินน้อยใหญ่ ประชันกับเสียงนกร้อง และเสียงแมลงต่างๆ ที่บินเวียนวนอยู่รอบๆ ตัว ช่วยเสริมให้บรรยากาศเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ตลอดทางเดินขึ้นสู่ตัวน้ำตกขุนกรณ์ จากจุดเริ่มต้นตรงลานจอดรถบริเวณ

ที่ทำการวนอุทยานถึงตัวน้ำตก รวมระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร โดยช่วงต้นๆ ของทางเดินจะเป็นการเดินทวนน้ำขึ้นไป และมีสะพานไม้ไผ่ทั้งน้อยและใหญ่ให้เดินข้ามเพื่อเพิ่มความท้าทายอีกด้วย เมื่อถึงช่วงทางแคบก็จะเหมือนได้ออกกำลังกายไปในตัว เพราะมีทั้งทางลอดซุ้มไม้ไผ่ และทางชัน ยิ่งเดินลึกเข้าไปยิ่งสัมผัสได้ถึงละอองน้ำที่ตกกระทบลานหิน

พอถึงน้ำตก ความเหนื่อยล้าก็จะถูกสลัดทิ้งไปจนหมด เพราะสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าคือ น้ำตกที่มีความสูงลิ่ว ตกลงมาจากต้นน้ำที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา ละอองน้ำสาดซัดเข้ามาราวกับสายฝน และสิ่งที่ทำให้สายตาหยุดนิ่งทันทีที่เห็นก็คือ ภาพของสายรุ้งที่สวยงามมากๆ ซึ่งมันเหมือนอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้นเอง

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว

              สำหรับใครที่หลงใหลการท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้ว น้ำตก ถือได้ว่าเป็นเหมือนแดนสวรรค์ของพวกเขาเลยทีเดียว เช่นเดียวกันกับชาวจังหวัดปราจีนบุรี ที่มีดินแดนสวรรค์เป็น น้ำตกเขาอีโต้ ซึ่งมีบรรยากาศของธรรมชาติอันแสนสดชื่น เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจยิ่งนัก

             น้ำตกเขาอีโต้ หรือมีอีกชื่อเรียกหนึ่งคือ อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในโครงการตามพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาอีโต้ สร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำไว้ให้เกษตรกรได้ใช้ในยามที่ไม่มีน้ำ หรือยามหน้าแล้ง แถมยังเป็นสถานที่ให้ชาวบ้านรวมถึงนักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิวทิวทัศน์ และธรรมชาติที่งดงาม

ใครมาที่นี่จะได้อิ่มใจไปกับความสวยงามของอ่างเก็บน้ำที่อยู่รายรอบ และภูเขาอันอุดมสมบูรณ์และเงียบสงบ แถมยังมีกิจกรรมสำหรับท่องเที่ยวอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยาน หรือเดินเล่นชมวิวตามแนวสันเขื่อน ที่สำคัญยังมีกิจกรรมกางเต็นท์ริมน้ำอีกด้วย งานนี้สายลุยต้องห้ามพลาดเด็ดขาด

                เมื่อได้เข้ามาในพื้นที่ของ น้ำตกเขาอีโต้ จะพบกับอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์เป็นที่แรก ซึ่งเป็นจุดที่มีบรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ และเต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม ทั้งยังจะได้พบกับปลาอีกมากมายหลายชนิด ที่นี่เป็นอ่างเก็บน้ำที่มีการสำรองน้ำที่ไหลมาจากบนเทือกเขาอีโต้

จึงเป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี สามารถให้เที่ยวพักผ่อนหย่อนใจได้ตลอดไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไหน ภายในอ่างเก็บน้ำเองก็ยังมีจุดพักผ่อนอีกหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของศาลาริมน้ำสุดร่มรื่น หรือระเบียงชมวิวที่ทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา ทั้งยังสามารถเดินชมวิวภูเขาที่รายรอบอ่างเก็บน้ำได้อย่างสบายตามากๆ อีกด้วย

                ภายในยังมีจุดกางเต็นท์ที่สายลุยไม่ควรพลาด โดยผู้ที่เข้าไปท่องเที่ยวในน้ำตกเขาอีโต้ส่วนใหญ่มักจะมากางเต็นท์กันที่นี่เพื่อสังสรรค์ และทำอาหารกินกันเองในหมู่เพื่อนฝูงหรือครอบครัว ซึ่งลานกางเต็นท์ที่ว่านี้จะเป็นลานที่ค่อนข้างกว้างขวางเลยทีเดียว หรือใครต้องการจะได้

บรรยากาศแบบชิลๆ ริมน้ำ จะกางเต็นท์ที่ตรงริมน้ำเลยก็ได้ ถ้าอยากนอนเปล ก็มีต้นไม้ที่ใหญ่พอให้ผูกเปลได้ด้วยเหมือนกัน ที่สำคัญคือจะต้องช่วยกันรักษาความสะอาดตรงจุดที่ใช้งานให้มากๆ ส่วนใครที่อยากใช้พลังงานก็ยังมีกิจกรรมปั่นจักรยานศึกษาธรรมชาติอีกด้วย

               ใครได้มีโอกาสมาท่องเที่ยวที่จังหวัดปราจีนบุรี ก็อย่าลืมแวะมาพักผ่อนที่ น้ำตกเขาอีโต้ ซึ่งบอกได้เลยว่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับทั้งการท่องเที่ยว และพักผ่อนหย่อนใจในเวลาเดียวกัน

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว