Categories
focus on travel

10 สถานที่ท่องเที่ยวนครศรีธรรมราช  ตอนที่ 1

          นครศรีธรรมราชเป็นเมืองโบราณที่มีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครองและศาสนา มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติหลั่งไหลเข้ามาอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก จึงถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภาคใต้ วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของนครศรีธรรมราช เปิดตา เปิดใจแล้วไปเที่ยวพร้อมกันเลย

          1.วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นปูชนียสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของภาคใต้ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 1,000 ปี มีพระบรมธาตุเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า โดยองค์พระบรมธาตุ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบทรงลังกาเป็นรูประฆังคว่ำ ยอดเจดีย์เป็นทรงกรวยแหลม ส่วนปลียอดหุ้มด้วยทองคำ ประดับด้วยเพชรพลอยที่สวยงามตระการตาเป็นอย่างยิ่ง ในทุกปีสถานที่แห่งนี้จะมีประเพณีที่สำคัญคือ การแห่ผ้าขึ้นพระธาตุ โดยการนำผ้าผืนยาวขึ้นไปห่มองค์พระบรมธาตุ เพื่อเป็นพุทธบูชา

            2.วัดธาตุน้อย พ่อท่านวาจาสิทธิ์ ตั้งอยู่ใน อ.ช้างกลาง สร้างโดยพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งแดนใต้ ท่านเป็นพระนักพัฒนาที่มีคุณูปการแก่ประชาชนชาวนครศรีธรรมราชเป็นอย่างมาก ภายในวัดธาตุน้อยมีการก่อสร้างถาวรวัตถุที่สำคัญได้แก่ พระธาตุน้อยซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระสารีริกธาตุและพระสรีระสังขารของพ่อท่านคล้ายอยู่ด้านใน นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ และรูปปั้นพ่อท่านคล้ายในอิริยาบถนั่งพรมน้ำมนต์ให้เหล่าบรรดาศิษย์เพื่อความเป็นสิริมงคล

            3.ไอ้ไข่ วัดเจดีย์  ไอ้ไข่เป็นรูปไม้แกะสลักของเด็กชายอายุ 9-10 ขวบ ตั้งอยู่ในศาลาภายในวัดเจดีย์ อ.สิชล โดยเชื่อกันว่าในอดีตเป็นวิญญาณของเด็กวัด ลูกศิษย์ของหลวงปู่ทวดมาสถิตอยู่ ซึ่งไอ้ไข่เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านในละแวกใกล้วัด และด้วยชื่อเสียงของความศักดิ์สิทธิ์ของคนที่ได้มากราบไหว้ขอพร แล้วประสบความสมหวัง จึงส่งผลให้มีผู้คนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลมาขอพรกันเป็นจำนวนมาก  ทำให้ในแต่ละวันจะมีผู้คนนำสิ่งของมาแก้บน พร้อมกับจุดประทัดดังสนั่นอย่างไม่ขาดสาย

            4.บ้านคีรีวง เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขา ที่เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหลวงที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ในชุมชนมีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นอย่างอุดมสมบูรณ์ มีอากาศที่บริสุทธิ์และมีลำธารไหลผ่าน สร้างบรรยากาศที่สดชื่นให้กับนักท่องเที่ยว หมู่บ้านคีรีวงถือได้ว่าเป็นต้นแบบของธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ที่มีวิถีชีวิตแบบชาวสวน ซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิมของชาวบ้าน มีการรวมกลุ่มเพื่อทำผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน มีที่พักแบบ Homestay รวมถึงกิจกรรมต่างๆไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว เช่นการปั่นจักรยานสูดอากาศบริสุทธิ์ภายในชุมชนที่ปลอดภัยและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

          5.ตลาดย้อนยุคปากพนัง ตั้งอยู่ใน อ.ปากพนัง ริมฝั่งคลองบางฉลากซึ่งเชื่อมต่อกับแม่น้ำปากพนัง เป็นตลาดที่สร้างขึ้นเพื่อสะท้อนถึงบรรยากาศในอดีตที่รุ่งเรืองของเมืองแห่งนี้ที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายทางทะเลที่สำคัญ ภายในตลาดมีพ่อค้าแม่ค้าแต่งกายแบบย้อนยุค นำสินค้าต่างๆมาวางจำหน่าย มีทั้งอาหารคาวหวานแบบพื้นบ้านที่ใส่ภาชนะดินเผา ใบตอง เครื่องสานด้วยใบจาก ที่ทำให้ได้สัมผัสชีวิตแบบดั้งเดิมได้มากยิ่งขึ้น

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว

Categories
focus on travel

ซุ้มประตูรักนิรันดร์ ที่เกาะไข่ จ.สตูล

                  ใครที่นิยมการท่องเที่ยวทะเลอันดามัน จะต้องรู้จักเกาะหนึ่งในจังหวัดสตูลที่ชื่อว่า เกาะไข่ เพราะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาก แม้จะเป็นเกาะเล็กๆ ที่ไม่มีที่พัก และไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ มีเพียงธรรมชาติล้วนๆ ให้ได้สัมผัสเท่านั้น

                เกาะไข่ เป็นเกาะเล็กๆ ในอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล โดยอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตก 25 กิโลเมตร ตั้งอยู่ระหว่างเกาะตะรุเตาและเกาะอาดัง เสน่ห์ของเกาะไข่คือ เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวนวลเนื้อละเอียด และน้ำทะเลใสสีมรกต ที่สามารถมองทะลุเห็นผืนทรายใต้น้ำได้ชัดเจน เหมาะกับคนที่ชอบเล่นน้ำ และชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของธรรมชาติกลางทะเลอันดามันไปพร้อมๆ กัน

               ทะเลรอบๆ เกาะไข่มีแนวปะการังอยู่ทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปะการังเขากวาง และเนื่องจากเป็นเกาะที่เงียบสงบมาก ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ บนเกาะ แม้แต่ที่พักก็ไม่มี ในทุกๆ ปี ช่วงเดือนพฤศจิกายนจึงมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่กันเป็นจำนวนมาก

               และจุดที่ถือเป็นไฮไลท์ของเกาะไข่แห่งนี้ก็คือ ซุ้มประตูรักนิรันดร์ ซึ่งเป็นซุ้มประตูหินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีความโค้งเป็นวงใหญ่ ขนาดที่คนสามารถเดินลอดผ่านเข้าไปได้ โดยว่ากันว่า คู่รักที่มาเดินลอดผ่านซุ้มประตูรักนิรันดร์นี้ด้วยกัน จะรักกันไปตลอดโดยไม่แยกจากกัน คู่รักคู่ไหนสนใจอยากจะไปทดสอบความรักกันที่ซุ้มประตูหินธรรมชาติแห่งนี้ ก็เชิญไปพิสูจน์กันได้ แต่ขอแนะนำให้ไปช่วงสายๆ เพราะแสงอาทิตย์จะตกกระทบลงตรงซุ้มประตูพอดี ทำให้ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยงามมากๆ ได้บรรยากาศสุดๆ แต่ถ้ามาตอนบ่าย จะได้ภาพที่ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพราะแสงย้ายไปอยู่อีกฝั่งของเกาะแล้ว

                แน่นอนว่าด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติกแบบนี้ ที่นี้จึงมีกิจกรรมยอดฮิตเมื่อถึงวันแห่งความรัก นั่นก็คือจะมีการจัดงานวิวาห์บนเกาะไข่ โดยมีการจดทะเบียนสมรส และพิธีลอดซุ้มประตูหินของคู่รักมากมายที่มีความเชื่อว่าคู่รักที่ได้ลอดซุ้มประตูนี้จะสมหวังในความรัก เหมือนดั่งป้ายที่จารึกไว้ที่หน้าซุ้มประตูหินนั่นเอง

                 ส่วนเรื่องการเดินทาง ส่วนใหญ่แล้วเรือโดยสารจากเกาะตะรุเตาไปยังเกาะหลีเป๊ะมักจะวิ่งผ่านเกาะไข่ไปเลย โดยไม่จอดแวะให้ แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถเดินทางมาที่เกาะไข่ได้เอง โดยการเช่าเรือจากท่าเรือปากบารา หรือจะซื้อเป็นแพคเกจท่องเที่ยวจากเกาะหลีเป๊ะมาเที่ยวที่เกาะไข่และเกาะอื่นๆ โดยรอบก็ได้เช่นกัน

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว

Categories
focus on travel

จุดชมวิว 3 อ่าวที่ภูเก็ต

                 ภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์หลายอย่างให้ผู้คนได้หลงใหล ทั้งหาดทรายขาว น้ำทะเลใส ตลอดจนสถานที่สวยงามอื่นๆ อีกมากมาย และสถานที่หนึ่งที่เราจะพาไปรู้จักในครั้งนี้ เป็นจุดชมวิวของเมืองภูเก็ตที่สามารถชมทัศนียภาพของเกาะภูเก็ตได้แทบจะเกือบ 360 องศา เพราะได้ชมวิวของ 3 อ่าว พร้อมๆ กัน

                จุดชมวิว 3 อ่าวที่ว่านี้ มีลักษณะเป็นเนินเขาสูง โดยมีการจัดสร้างศาลาไว้ให้ขึ้นไปชมวิวได้ ซึ่งจะสามารถมองเห็นวิวได้เกือบทั่วบริเวณ และมองเห็นอ่าวได้ถึง 3 อ่าว โดยอ่าวที่อยู่ใกล้สุดคือ หาดกะตะน้อย เลยออกไปก็เป็น อ่าวกะตะ และที่อยู่นอกสุดคือ หาดกะรน ซึ่งลักษณะจะเป็นรูปโค้งแบบพระจันทร์เสี้ยวติดต่อกัน 3 อ่าว

                 ณ จุดชมวิวแห่งนี้ ยังจะมองเห็น เกาะปู ที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นสถานที่มีชื่อเสียง และเป็นที่นิยมสำหรับการถ่ายภาพอีกด้วย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาแวะพักชมทิวทัศน์ที่จุดชมวิว 3 อ่าวนี้ ก่อนไปชมพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ โดยการชมท้องทะเลจากมุมสูง ซึ่งให้อารมณ์และบรรยากาศที่ต่างกับการยืนชมวิวที่หน้าหาดเป็นอย่างมาก

                  บริเวณด้านล่างที่ลานจอดรถ ก็ยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ดีเช่นกัน โดยจากจุดนี้จะมองเห็นหาดทั้ง 3 มีลักษณะเว้าแหว่ง เนื่องจากคลื่นลมมรสุมกัดเซาะจนโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวติดต่อกัน โดยมีโขดหินเป็นแหลมคั่นอยู่ หากวันไหนทัศนวิสัยดีๆ จะเห็นน้ำทะเลเป็นสีน้ำเงินเข้ม คราม ฟ้า และเขียวมรกตไล่โทนสีแก่ไปอ่อน ตัดกับสีขาวสะอาดของหาดทราย แต่งแต้มด้วยร่มหลากสีสดใส มองไปไกลๆ จะเห็นเรือลำน้อยหลายลำแล่นอยู่ลิบๆ ใกล้เข้ามาก็เป็นยอดมะพร้าวต้องลม นับเป็นภาพที่ช่างงดงามเกินบรรยายจริงๆ

              การเดินทางไปยังจุดชมวิว 3 อ่าว สามารถไปได้ทั้งโดยรถยนต์ส่วนตัว และโดยรถสองแถว ซึ่งทางรถยนต์จะไปได้ 2 ทาง คือ จากหาดกะตะ ตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 4233 มุ่งหน้าหาดในหาน ประมาณ 5 กม. ก็จะถึงจุดชมวิวด้านขวามือ ส่วนใครที่จะไป จากห้าแยกฉลอง ให้ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 4024 ราว 2.5 กม.

จนถึงสามแยก แล้วให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวง 4233 ไป 3 กม. จะพบสามแยกอีกครั้ง ขับตรงไปเรื่อยๆ มุ่งหน้าหาดกะตะประมาณ 3 กม. ก็จะพบกับจุดชมวิวอยู่ทางด้านซ้ายมือ แต่หากใครที่จะใช้บริการรถสองแถว ให้นั่งรถสายภูเก็ต-หาดกะตะ-กะรน ก็สามารถไปถึงจุดชมวิวได้เช่นกัน

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว

Categories
focus on travel

ตลาดน้ำอโยธยา

                 พอเอ่ยชื่อจังหวัดอยุธยา ใครๆ ก็ต้องนึกถึงเมืองเก่า ที่เต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรมในยุคกรุงศรีอยุธยา วันนี้เราเลยจะพาทุกคนมาย้อนรำลึกถึงประวัติศาสตร์ชาติไทย ณ แหล่งท่องเที่ยวที่ให้บรรยากาศย้อนยุคเหมือนได้ย้อนไปในสมัยอยุธยา ซึ่งก็คือ ตลาดน้ำอโยธยา นั่นเอง

                ตลาดน้ำอโยธยา เป็นตลาดน้ำแห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยภายในได้แบ่งสัดส่วนออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือ โซนของหมู่บ้านช้างอโยธยา-คุ้มเสือ และโซนของตลาดน้ำอโยธยา โดยโซนของหมู่บ้านช้างอโยธยา-คุ้มเสือนั้น ภายในก็จะมีเสือตัวเป็นๆ มานอนรอนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปคู่ ถัดไปก็จะมีช้างหลายสิบเชือก ไว้สำหรับกิจกรรมนั่งช้างชมวิว ซึ่งเป็นที่นิยมของเด็กๆ

เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีการแสดงความสามารถพิเศษของช้าง ทั้งการโชว์นั่ง นอน ยกขา และทำท่าทำทางต่างๆ น่ารักน่าชังอีกมากมาย นอกจากนี้ก็ยังมีการประกอบพิธีลอดท้องช้างที่ว่ากันว่าหากใครได้ลอดท้องช้าง ก็จะทำให้ชีวิตเจริญก้าวหน้า จริงเท็จประการใด อันนี้คงต้องไปพิสูจน์กันเอาเอง

                เมื่อชื่นชมความน่ารักแสนรู้ของพี่เสือและน้องช้างกันเป็นที่เรียบร้อย ก็มาถึงโซนตลาดน้ำอโยธา ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ตั้งแต่เริ่มเข้ามาจะเห็นเรือจอดอยู่เรียงราย มีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายอาหาร ป้าย “ตลาดน้ำอโยธยา” ก็ติดอยู่บนกำแพงอิฐ ที่มีหน้าตาเหมือนกับกำแพงเมือง ดูแล้วได้อารมณ์กรุงศรีอยุธยามากๆ สถานที่ขายอาหารบนฝั่งของตลาดน้ำอโยธยาก็ไม่ธรรมดา เพราะสร้างขึ้นเป็นเรือนไม้ทรงไทย

ส่วนร้านที่ขายบนเรือ แต่ละร้านก็มีการตกแต่งเรือของตัวเองให้ดูสวยงาม เมื่อมองจากบนสะพานลงมา ก็จะเห็นตลาดน้ำแห่งนี้เป็นเหมือนชุมชนในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีคลองที่สะอาด มีบ้านเรือนทรงไทย  มีแม่ค้าพายเรือขายของ เรียกว่ามีครบเหมือนสมัยอยุธยากันเลยทีเดียว

              ตลาดน้ำแห่งนี้มีร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน นอกจากจะขายอาหาแล้ว ก็ยังประกอบไปด้วย สินค้า OTOP เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ สินค้าพื้นเมือง เครื่องจักสาน เฟอร์นิเจอร์ ของเก่า งานศิลป์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สมุนไพร สินค้าที่ระลึก สินค้า Hand made ผ้าบาติก งานไม้ตกแต่งบ้าน และอื่นๆ อีกมายมายจนบรรยายไม่หมด

              ตลาดน้ำอโยธยา ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไทยๆ ที่เรียบง่าย และเห็นคุณค่าของศิลปะวัฒนธรรมไทย ก่อเกิดความรู้สึกหวงแหนวัฒนธรรมไทย ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้นมาเพื่อให้ลูกหลานอย่างเราได้สืบทอดต่อไป

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว