Categories
focus on travel

เที่ยวไทยสไตล์วิถีชุมชน กับคนท้องถิ่น 4 จังหวัด

             นอกจากเมืองท่องเที่ยวหลักในประเทศไทยจะได้รับความนิยมแล้ว เมืองรองก็ยังดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติด้วยเช่นกัน เนื่องจากเมืองรองนั้นมีมุมน่าสนใจที่แตกต่างออกไปจากเมืองท่องเที่ยวหลักๆ นั่นก็คือ การท่องเที่ยวในสไตล์โลคอล และการเรียนรู้วิถีชีวิต รวมถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นของคนในชุมชนต่างๆ วันนี้เราเลยจะพามาดูตัวอย่าง 4 ชุมชนที่น่าสนใจ จะมีที่ไหนบ้างลองตามมาดูกันเลย

ฟังดนตรี “ม้งไซเบอร์” ที่พิษณุโลก
โรงเรียนบ้านน้ำจวง เป็นโรงเรียนแห่งเดียวของหมู่บ้านใน จ.พิษณุโลก ซึ่งปัญหาใหญ่ของโรงเรียนนี้คือ เด็กขาดทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพในยุคปัจจุบัน เมื่อถึงวัยทำงานจึงต้องไปเป็นแรงงานต่างถิ่น ดังนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้เยาวชน จึงได้มีการสอนหลักสูตรการแสดงดนตรีและละครเวที โดยออกแบบให้เหมาะสมกับบริบทของชุมชนที่เป็นหมู่บ้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

และได้มีงานเทศกาลดนตรี Hmong Cyber Music Festival เพื่อให้เด็กๆ ได้มีพื้นที่แสดงออก และสามารถนำมาต่อยอดทำงาน สร้างรายได้เสริมในชุมชนของตนเอง โดยไม่ต้องละถิ่นไปทำงานที่อื่น ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะรู้สึกได้ถึงความสวยงามของธรรมชาติ อากาศดี อาหารอร่อยแล้ว ยังได้สัมผัสวัฒนธรรมที่ผสานไปกับนวัตกรรมอย่างลงตัว

เวิร์ค & ทราเวล ที่แม่ฮ่องสอน
เนื่องจากคนหนุ่มสาวในปัจจุบันต้องการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศ หรือสถานที่ทำงานมากขึ้น เพื่อลดภาวะหมดไฟในการทำงาน ดังนั้นเราจึงได้เห็นหลายๆ คน พาตัวเองพร้อมโน้ตบุ๊คไปทำงานยังต่างจังหวัดที่ห่างไกลผู้คน และได้พักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติไปด้วยในเวลาเดียวกัน “เครือข่ายการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดแม่ฮ่องสอน” จึงได้มีการปรับรูปแบบการท่องเที่ยว

ให้มีพื้นที่อำนวยความสะดวกสำหรับการทำงาน เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่อยากเปลี่ยนที่ทำงานจาก Work From Home เป็น Work From Anywhere รวมถึงดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่ต้องการมาพักผ่อนและเรียนรู้วิถีชีวิตไปพร้อมกับคนพื้นเมืองแม่ฮ่องสอน เช่น การดริปกาแฟ การทอผ้า และอื่นๆ ซึ่งผู้ที่มาเยือนไม่เพียงแต่สามารถนั่งทำงานได้อย่างมีความสุข แต่ในช่วงพักหรือเลิกงาน ก็ยังสามารถลงไปสัมผัสวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ได้

สโลว์ไลฟ์กับวิถีประมง ที่พัทลุง
พัทลุง
เป็นจังหวัดที่มีวิถีชีวิตสะท้อนถึงความเป็นลุ่มน้ำ ไม่ว่าจะเป็น “ทะเลน้อย” แหล่งน้ำจืดที่อุดมสมบูรณ์ และ “คลองปากประ” แหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่เกิดจากการไหลมารวมกันของลำน้ำหลายสาย ชาวบ้านที่นี้จึงประกอบอาชีพเกษตรกรรมและประมงเป็นหลัก โดยมีวิถีพื้นบ้านที่สืบทอดต่อกันมายาวนาน นั่นคือการใช้ “ยอยักษ์” ดักจับปลา

เมื่อมาเยือนชุมชนปากประ กิจกรรมที่ถือเป็นเสน่ห์ คือ การล่องเรือจากคลองปากประสู่ทะเลน้อย เพื่อชมแสงแรกของวัน และเมื่อล่องเรือไปตามเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ก็จะได้ชมวิถีชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านที่ใช้ยอยักษ์จับปลา รวมถึงระบบนิเวศทางธรรมชาติที่งดงาม ทั้งทุ่งดอกบัว ควายน้ำ และนกน้ำหลากหลายพันธุ์

พิชิตยอดเขาดอยหลวงเชียงดาว ที่เชียงใหม่
ดอยหลวงเชียงดาว เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย มีลักษณะเป็นป่ากึ่งอบอุ่นเหมือนต่างประเทศ รวมถึงวัฒนธรรมชุมชนที่น่าสนใจ ทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องการเดินทางมาศึกษาธรรมชาติในพื้นที่ ซึ่งหากขาดความรู้ที่ถูกต้องก็อาจทำให้

ทรัพยากรธรรมชาติ และวิถีชีวิตดั้งเดิมถูกทำลายได้ จึงเปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่สนใจเข้ามาร่วมเป็นอาสาสมัครพิทักษ์ดอยหลวงเชียงดาว เช่น อาสาสมัครทำแนวกันไฟ และปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่ป่า เพื่อเป็นการต่อยอด และรักษาความมหัศจรรย์ของดอยหลวงเชียงดาวให้คงอยู่สืบไป

ใครหลงใหลการท่องเที่ยวในรูปแบบวิถีชุมชน ก็ลองปักหมุดไปเที่ยวกันได้นะ

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel 
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว 

Categories
focus on travel

หนาวนี้ อย่าพลาดมาชิลล์ที่ “กิ่วแม่ปาน”

               หนาวนี้ อยากจะชวนทุกคนมาสูดอากาศสะอาดกันให้เต็มปอดท่ามกลางขุนและป่าไม้กันที่ กิ่วแม่ปาน บอกเลยว่าฟินแน่ๆ เพราะที่นี่เค้าได้ชื่อว่าวิวสวยมาก แถมอากาศก็ยังหนาวติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลยทีเดียว

            กิ่วแม่ปาน ตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ถือเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้นที่นักท่องเที่ยวมักจะชอบขึ้นไปเพื่อชมพระอาทิตย์และทะเลหมอกสุดอลังการ ยิ่งถ้าใครตื่นเช้าหน่อยซักตีห้า ก็จะได้ชมทะเลหมอกสวยๆ พร้อมกับแสงแรกของวันที่สวยงามเป็นที่สุด

               สำหรับการเดินเที่ยวชมกิ่วแม่ปานนั้นจะมีไกด์ชาวบ้านนำเดินชม และคอยแนะนำไปตลอดทาง โดยมีระยะทางรวมประมาณ 5 กิโลเมตรนิดๆ ไม่ไกลเท่าไหร่ เดินชิลล์สบายๆ

              เมื่อเดินเข้ามาด้านในป่าจะรู้สึกชุ่มชื่นมากๆ เพราะถูกปกคลุมด้วยสีเขียวขจีไปทั่วบริเวณ แม้อากาศจะหนาว และชื้นมากๆ แต่ก็ให้ความรู็สึกดีสุดๆ แถมยังได้เดินผ่าน น้ำตกลานเสด็จ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เริ่มเดินเข้ามา ตรงนี้เล่นน้ำไม่ได้ แต่ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยมากๆ

                และไฮไลท์ของเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานแห่งนี้ก็คือ จุดชมวิวที่ 9 ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คที่ต้องเช็คอินให้ได้เพราะเป็นจุดที่เราสามารถมาถ่ายรูปสวยๆ กับทะเลหมอก รวมถึงชมพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยสุดๆ นั่นเอง ตรงนี้จึงถือเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม เลยอาจต้องใช้เวลาค่อนข้างนานหน่อย เพราะมีคนรอต่อคิวถ่ายรูปกันเยอะจริงๆ

               ต่อจากจุดชมวิวทะเลหมอกก็จะเป็นการเดินตามแนวสันเขา ซึ่งจะไม่อันตรายเลยถ้าปฏิบัติตัวตามที่ไกด์ชาวบ้านบอก คือให้เดินเป็นแถวเรียงหนึ่งลงไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นก็แวะชมธรรมชาติตามทางไปด้วย รับรองว่าจะเพลิดเพลินจนลืมเหนื่อยแน่นอน เพราะมีแต่สิ่งน่าตื่นตาตื่นใจให้ได้ชม อย่างกุหลาบพันปีที่ชูดอกสีแดงสวยรับลมหนาว เป็นต้น

               จากนั้นเดินต่อไปเรื่อยๆ ก็จะถึงจุดชมวิวอีกแห่งที่มองเห็น พระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ตั้งอยู่คู่กันสวยงามมากๆ หลังจากชมพระธาตุทั้ง 2 แล้ว ก็จะเป็นทางเดินสลับขึ้นลงเขา โดยระหว่างทางก็ยังคงมีป่าเขียวให้ได้รับอากาศดีๆ เข้าปอดเช่นเดิม และจะมีจุดนั่งพักอยู่เป็นระยะ การเดินขึ้นๆ ลงๆ เขาเลยไม่ได้ยากลำบากมาก เหนื่อยก็พักไปเรื่อยๆ ได้

                สำหรับใครที่สนใจ และยังไม่เคยเดินป่ามาก่อน ขอบอกว่าทางเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานนี้ค่อนข้างเดินง่าย ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก แค่ต้องระวังในเรื่องของรองเท้า ควรเป็นรองเท้าผ้าใบที่ยึดเกาะพื้นได้ดี เพราะด้วยความชื้นของป่าอาจทำให้ลื่น และอากาศด้านบนค่อนข้างหนาว จึงควรใส่เสื้อกันหนาว ถุงเท้า และหมวก รวมถึงอย่าลืมพกน้ำขวดเล็กๆ ไว้ดื่มระหว่างทางด้วย

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel 
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว 

Categories
focus on travel

“เขาพะเนินทุ่ง” จุดชมทะเลหมอกสุดปังในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

                ถ้าพูดถึงที่เที่ยวหน้าหนาวที่มีทะเลหมอก หลายคนก็มักจะนึกถึงจังหวัดทางภาคเหนือเป็นที่แรกๆ แต่รู้หรือไม่ว่าจังหวัดภาคกลางใกล้กรุงเทพอย่าง เขาพะเนินทุ่ง ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ก็ถือเป็นจุดชมทะเลหมอกสุดปังด้วยเหมือนกัน ทั้งยังมีจุดกางเต็นท์ให้สามารถมานอนดูวิวสวยๆ ของธรรมชาติแบบไม่มีอะไรมากั้นอีกด้วย ใครอยู่ภาคกลาง ไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงภาคเหนือแล้วนะขอบอก

                เขาพะเนินทุ่ง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ถึง 2 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์ จึงเป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำสายสำคัญอย่าง แม่น้ำเพชรบุรี และ แม่น้ำปราณบุรีที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้มีความหลากหลายของธรรมชาติที่น่าสนใจ ทั้งทะเลสาบ น้ำตก ถ้ำ และหน้าผาที่สวยงาม รวมถึงเขาพะเนินทุ่งเอง ก็ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของอุทยานฯ แห่งนี้ด้วยเช่นกัน

               ตัวเขาพะเนินทุ่ง อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ไปประมาณ 50 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าและป่าดิบ จึงทำให้เกิดเป็นทิวทัศน์ที่งดงามของทะเลหมอกที่ก่อตัวขึ้นอย่างหนาแน่นในช่วงตั้งแต่ปลายฤดูฝน ไปจนถึงฤดูหนาว และมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอยู่ 2 จุดด้วยกันที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดเด็ดขาด นั่นก็คือ จุดชมวิวพะเนินทุ่ง และ ยอดเขาพะเนินทุ่ง

                มาเริ่มกันที่ จุดชมวิวพะเนินทุ่ง ซึ่งเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามมากๆ ตั้งอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 30 ทั้งยังเป็นจุดกางเต็นท์สำหรับคนที่สนใจขึ้นมานอนพักบนนี้ โดยทางอุทยานฯ จะมีบริการเต็นท์ให้เช่า รวมถึงร้านอาหาร และเครื่องดื่ม ในช่วงเวลาเช้าที่แสงอาทิตย์ค่อยๆ สาดส่องลงบนขุนเขาผ่านทะเลหมอก จะเกิดเป็นทัศนียภาพที่งดงามตราตรึงใจเป็นที่สุด แถมอากาศก็เย็นสบายตลอดปี แต่ถ้ามาช่วงหน้าหนาวก็ต้องขอเตือนไว้เลยว่า คือหนาวจับขั้วหัวใจเลยทีเดียว

                 แล้วก็ไปลุยกันต่อกันที่ ยอดเขาพะเนินทุ่ง ซึ่งเป็นแหล่งดูนกป่า และเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จะต้องเดินทางเท้าจากจุดชมวิวเขาพะเนินทุ่ง โดยใช้เส้นทางสายวังวน – พะเนินทุ่ง ไปประมาณ 4 ชั่วโมง เพราะต้องข้ามเนินเขาหลายลูกจึงจะถึงยอดเขาพะเนินทุ่ง

                  สำหรับใครที่สนใจจะเดินทางไป เขาพะเนินทุ่ง มีกฎว่าต้องติดต่อกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานฯ ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน เพื่อรับใบอนุญาตในการเดินทางก่อน จากนั้นก็สามารถขับรถขึ้นเขาพะเนินทุ่งได้ด้วยตัวเอง แต่แนะนำให้ใช้รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อและมีสมรรถนะที่ดี เพราะทางค่อนข้างชัน ส่วนใครที่ไม่อยากเอารถขึ้นไปเองก็สามารถติดต่อกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อใช้บริการรถรับจ้างพาขึ้นไปได้

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel 
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว 

Categories
focus on travel

แนะนำภูเขาสวยๆ เหมาะเที่ยวหน้าฝน สำหรับคนหลงรักเขา

             วันนี้จะมาว่ากันด้วยเรื่องของคน รัก “เขา” โดยเฉพาะ เข้าหน้าฝนแล้วแบบนี้ ที่เที่ยวหน้าฝนสวยๆ ให้เราได้กอดสายหมอกกันแบบใกล้ๆ ก็ต้องภูเขาเลยจ้า ใครชอบบรรยากาศของการเดินเขา อยากขึ้นไปสูดอากาศดีๆ บนยอดเขา และตื่นเต้นกับการได้เจอ สายหมอกยามเช้าแล้วล่ะก็ ตามเราเช็คอินที่เที่ยวภูเขาเหล่านี้กันได้เลย

ดอยอินทนนท์ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี และที่นี่ยังเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ไม่ว่าคนไทย หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ หากได้มาถึงเชียงใหม่แล้ว จะต้องไม่พลาดไปขึ้นดอยอินทนนท์กัน เพื่อรับโอโซน สูดอากาศดีๆ และเดินชมป่าเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์กันสักครั้งในชีวิต

เขาค้อ ถือเป็นอีกหนึ่งภูเขาชื่อดัง ตั้งอยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี แม้แต่ในฤดูร้อน โดยอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปี เพียง 18-25 องศาเซลเซียสเท่านั้น และก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกมากมายให้ได้มาพักผ่อน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งชมทะเลหมอกที่สวยงามมากๆ อีกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน และหน้าหนาว จะมีทะเลหมอกให้ชมกันแทบทุกวันเลยทีเดียว

ภูทับเบิก อีกหนึ่งภูเขาในจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่มียอดเขาสูงที่สุดจากระดับน้ำทะเล ทำให้ที่นี่ค่อนข้างมีอากาศที่เย็นตลอดปี ลักษณะเด่น คือ บนภูเขาจะรายล้อมไปด้วยกะหล่ำปลีลูกกลม ในช่วงหน้าฝน นอกจากเราจะได้กอดทะเลหมอกอย่างจุใจแล้ว ก็ยังได้เห็นความ amazing ของภูทับเบิกอีกอย่างหนึ่งก็คือ แม้จะเป็นหน้าฝน แต่ก็จะมีหมอกตลอดทั้งวัน

ภูสอยดาว ภูสวยในจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นทุ่งดอกหญ้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ใครที่รักดอกไม้ ใบหญ้า แนะนำว่าให้มาเที่ยวที่นี่ในหน้าฝน และสำหรับใครที่เป็นนักท่องเที่ยวสายลุย ชอบสไตล์ผจญภัยเบาๆ ได้เดินป่า ลุยฝน นอนเต็นท์ สูดไอหมอกสวยๆ ต้องไม่พลาดมาชิลล์ที่นี่ให้ได้

ภูลังกา นับเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวภูเขาในจังหวัดพะเยา ที่สวยงามมากๆ ในทุกฤดู จึงสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงช่วงหน้าฝน ที่จะเต็มด้วยความเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำของต้นไม้น้อยใหญ่ทั่วทั้งภูเขา และก็ยังมีหมอกให้เราได้เห็นในช่วงเช้าๆ อีกด้วย ซึ่งข้อดีของการเที่ยวภูลังกาหน้าฝนก็คือ ไม่ต้องแย่งกันเที่ยวกับคนเยอะๆ เหมือนในช่วงหน้าหนาวนั่นเอง

             ใครหลงรักเขาอยู่ ก็อย่าได้รอช้า รีบไปจัดกระเป๋า แล้วไปตามหาเขาเหล่านี้กันด่วนๆ นะจ๊ะ

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว

Categories
focus on travel

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดสวยท่ามกลางภูใหญ่และสายหมอก

               ในช่วงปลายปีที่อากาศเริ่มจะเย็นๆ แบบนี้ หลายคนคงนึกอยากจะออกไปกอดทะเลหมอกกันให้ชุ่มปอด และหนึ่งในที่เที่ยวยอดฮิตสำหรับการชมทะเลหมอกก็คือ เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพราะนอกจากจะมีธรรมชาติสวยๆ ให้เที่ยวได้อย่างจุใจแล้ว ที่นี่ก็ยังมี วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดสวยในบรรยากาศเงียบสงบ ให้สายบุญได้มาพักใจกันอีกด้วย

               วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว หรือ วัดพระธาตุผาแก้ว นี้ตั้งอยู่บนเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นวัดสวยที่มีทิวเขาเรียงรายโอบรอบศาลาปฏิบัติธรรม และมีถ้ำอยู่บนยอดเขา เหตุที่มีชื่อว่า ผาซ่อนแก้ว นั่นก็เป็นเพราะว่า เคยมีชาวบ้านทางแดงหลายคนเห็นลูกแก้วลอยบนฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าที่นี่เป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์ และเรียกตามๆ กันว่า “ผาซ่อนแก้ว”

                นอกจากนี้ ก็ยังมีเจดีย์พระธาตุ 9 ชั้น ชื่อว่า พระเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้วสิริราชย์ธรรมนฤมิตร บนจุดสูงสุดของวัดประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา บริเวณใต้ฐานพระเจดีย์ยังเป็นที่เก็บรวบรวมหลักธรรมคำสอน ภาพปริศนาธรรม และเป็นที่เจริญภาวนา สำหรับพุทธศาสนิกชนที่มาปฏิบัติธรรมด้วย

               ความโดดเด่นของ เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว คือ การนำวัสดุต่างๆ ทั้ง ลูกปัด ลูกแก้ว กระเบื้องสี เครื่องเบญจรงค์ และเครื่องประดับต่างๆ มาตกแต่งพระธาตุให้มีความสวยงามแปลกตา แต่ก็แฝงไปด้วยปริศนาธรรม

                ใกล้กับเจดีย์วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วมีมหาวิหาร พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ซึ่งภายในได้จัดเป็นที่พักของผู้เข้าปฏิบัติธรรม และใช้เป็นที่ประกอบศาสนากิจอย่างการสวดมนต์ ฟังธรรม และการปฏิบัติภาวนา

               และก็มาถึงจุดสำคัญมากๆ อีกจุดหนึ่งนั่นก็คือ จุดชมวิวเขาค้อ ยิ่งถ้าได้มาเที่ยวชมในช่วงเวลาเช้าตรู่ของวันก็จะได้สัมผัสกับหมอกเย็นๆ ด้วย เรียกว่าทั้งทิวทัศน์สวยงาม อากาศสดชื่น และบรรยากาศสงบเงียบ ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่พักผ่อนเพื่อชาร์ตแบตให้กับร่างกายอย่างแท้จริงเลยทีเดียว

               สามารถพูดได้ว่าวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วแห่งนี้เป็นทั้งสถานที่พักกายและพักใจได้เป็นอย่างดี ด้วยเพราะเป็นสถานปฏิบัติธรรม แล้วยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่รายล้อมไปด้วยหุบเขา บรรยากาศจึงแสนสงบเงียบและเย็นสบาย รอบๆ ตัววัดยังประดับประดาไปด้วยกระจกหลากสีสัน ไปจนถึงเจดีย์ที่สร้างไว้อย่างงดงาม ทำให้ที่นี่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้อย่างไม่ขาดสาย และถ้าใครได้มาเที่ยวสักครั้งหนึ่งแล้วล่ะก็ จะต้องอยากมาอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว

Categories
focus on rest

“ภูมนตรา รีสอร์ท” ที่พักสวย บรรยากาศดี ที่นครนายก

                 หากพูดถึงที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ บรรยากาศดีๆ หลายคนคงจะนึกถึง นครนายก เพราะเป็นจังหวัดที่มีธรรมชาติหลากหลาย ทั้งป่าไม้ น้ำตก แม้กระทั่งเขื่อน วันนี้เราก็เลยจะมาแนะนำที่พักน่ารักๆ ใกล้เขื่อนขุนด่านปราการชล  นั่นก็คือ ภูมันตรา รีสอร์ท

                  จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ผ่านเขื่อนขุนด่านฯ เข้ามาสักพักก็จะเจอภูมันตรา รีสอร์ทโดยด้านหน้าของรีสอร์ทจะเป็นแบบโล่งๆ มีล็อบบี้ตรงกลาง ส่วนด้านซ้ายขวาคือตึกที่เป็นห้องพัก จากด้านหน้าของรีสอร์ทเรายังสามารถมองเห็นเขื่อนขุนด่านปราการชลได้ด้วย

                   ส่วนที่เป็นตึกห้องพักจะมี 2 ตึก เป็นตึก 3 ชั้น มีลิฟต์อยู่ตรงกลาง ด้านหน้าลิฟต์เป็นระเบียง มีโต๊ะ 2 ชุด เอาไว้ให้นั่งชิลล์กัน ภายในห้องพักค่อนข้างกว้างขวาง ที่สำคัญมีเก้าอี้ให้นั่งดูวิวสวยๆ ริมหน้าต่างด้วย ห้องน้ำก็กว้าง แบ่งส่วนชัดเจนระหว่างห้องน้ำและห้องอาบน้ำ ส่วนอื่นๆ ก็จะมีทีวี ตู้เย็น กาต้มน้ำ และโต๊ะทำงาน แต่ไม่มีตู้เสื้อผ้าเป็นตู้ๆ จะมีเป็นราวโล่งๆ พร้อมไม้แขวนไว้ให้แทน

                 นอกจากห้องพักปกติ ที่นี่ยังมีส่วนที่เป็นห้องประชุมไว้ให้บริการสำหรับงานสัมมนาต่างๆ รวมถึงห้องอาหาร ซึ่งหากใครไม่สะดวกเดิน หรืออยากจะเปลี่ยนบรรยากาศ ก็มีจักรยานไว้ให้บริการอยู่บริเวณหน้าล็อบบี้ ส่วนใครจะใช้รถกอล์ฟก็ได้เหมือนกัน ที่นี่เค้ามีไว้บริการหลายคันเลยทีเดียว

                 ในส่วนของห้องอาหาร ทางด้านหลังยังมีที่ให้แขกผู้มาพักสามารถนำอาหารมานั่งกินแบบ outdoor ได้ ซึ่งบริเวณนี้จะอยู่ติดริมสระว่ายน้ำของรีสอร์ทเลย น่าสบายมากๆ เพราะริมสระว่ายน้ำถือเป็นจุดนั่งชิลล์อีกที่หนึ่งของรีสอร์ท ได้นั่งมองน้ำใสๆ ท้องฟ้าสวยๆ บรรยากาศดีสุดๆ อาหารของที่นี่จะเป็นบุฟเฟ่ต์ทุกมื้อ ส่วนมากจะเป็นอาหารไทย ยกเว้นมื้อเช้าที่เป็นเบรคฟาสต์ และก็จะมีอาหารที่จัดให้ในห้องประชุมด้วย

                 ถัดจากสระว่ายน้ำมาทางขวามือจะเจอ Montra Bistro & Cafe เป็นคาเฟ่ของรีสอร์ท ซึ่งผู้เข้าพักทุกคนจะได้รับเครื่องดื่ม Welcome drink กันที่นี่ แต่จะมารับตอนไหนก็ได้ที่สะดวก ภายในค่าเฟ่มีทั้งเครื่องดื่ม และเบเกอรี่ บรรยากาศดีเลยล่ะ สามารถนั่งชิลล์ในห้องแอร์ แล้วมองออกไปที่ลำธารได้ หรือจะไปนั่งชิลล์จิบเครื่องดื่มดูวิวที่ด้านนอกเลยก็ได้เหมือนกัน           

                สำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักบรรยากาศสบายๆ เอาไว้พักผ่อนในวันหยุด ได้นั่งทานอาหารและจิบกาแฟชิลล์ๆ พร้อมกับฟังเสียงน้ำไหล หรือมาจัดกิจกรรมสัมมนาต่างๆ ก็สามารถติดต่อทางรีสอร์ทได้เลย

ฝากติดตามที่พักตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ focusonrest  
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว

Categories
focus on travel

ภูทอกหน้าหนาว และตลาดเช้าเชียงคาน

                  ถ้าพูดถึงที่เที่ยวยอดฮิตของสายฮิปอย่าง เชียงคาน นอกจากถนนคนเดินเชียงคานริมแม่น้ำโขงแล้ว อีกหนึ่งที่เที่ยวที่พลาดไม่ได้เลยของเชียงคานตอนเช้าๆ ก็คือ ภูทอก เพราะจุดนี้เราได้จะได้ชมความงามของทะเลหมอกที่มีความหนาแน่นมากๆ อย่างที่หาชมได้ยากจากที่อื่นๆ

                   สำหรับเวลาที่เหมาะสมในการขึ้นไปชมทะเลหมอกที่ ภูทอก นั้น คือช่วงเวลาประมาณตีห้าครึ่งถึงแปดโมงเช้า ถึงจะยังมีทะเลหมอกสวยๆ ให้ชมอยู่ ถ้าไปสายกว่านั้นก็จะอดนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะไปกอดหมอก ก็ต้องตื่นเช้ากันนี๊ดนึง โดยวิธีการชึ้นไปบนภูนักท่องเที่ยวจะต้องขับรถไปจอดไว้ที่ด้านล่างของภู แล้วนั่งรถกระบะของชาวบ้านขึ้นไป ด้วยว่าทางค่อนข้างคดเคี้ยว แถมชันมากๆ ด้วย สร้างความหวาดเสียวได้ไม่น้อย จึงต้องใช้คนขับที่ชำนาญทางมาก การเดินทางขึ้นไปใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ก็ถึงด้านบนของภูทอกแล้ว

                    จากด้านบนนี้ เราจะได้เห็นทะเลหมอกปกคลุมหนาแน่นมากๆ ไปทั่วบริเวณรอบๆ ภูเขาสูง นับเป็นภาพที่สวยงามจับตาจับใจ แถมยังมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ซึ่งไฮไลท์ก็น่าจะเป็นชิงช้าที่ห้อยไว้ให้ได้นั่งเล่นชมทะเลหมอก และถ่ายรูปเก๋ๆ นั่นเอง พอเริ่มสายๆ หน่อย แม้ทะเลหมอกจะค่อยๆ จางหายไป แต่ก็มีวิวแสงอาทิตย์ที่ลอดทะลุทะเลหมอกขึ้นมาให้ได้ชมกันด้วย สวยไปอีกแบบ แล้วก็ยังได้เห็นวิวสวยๆ ของเมืองเชียงคานจากด้านบน รับรองว่าคุ้มค่าของการมาเยือนอย่างแน่นอน

                   เมื่อชื่นชมกับบรรยากาศสุดฟินที่ด้านบนกันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลากลับลงมาด้านล่างซึ่งจะมีตลาดเช้าที่น่าสนใจมากๆ ไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยว มีของขายมากมาย ตั้งแต่ของกิน เสื้อผ้า อุปกรณ์กันหนาว รวมถึงเหล้าอุ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มพื้นเมืองของที่นี่ ไฮไลท์ของอาหารที่ตลอดแห่งนี้ คือ โรตีภูเขาที่ราดช็อคโกแลตให้ไหลเยิ้มๆ เป็นลาวา น่ากินสุดๆ ถัดมาก็เห็นจะเป็นของกินแนวๆ โจ๊ก ชา กาแฟ และไข่ลวกสูตรโบราณ ถ้าได้ไข่ลวกมากินคู่กับชามะลิหอมๆ มาท่ามกลางอากาศหนาวๆ ในบรรยากาศที่ห้อมล้อมด้วยทิวทัศน์สวยงามแบบนี้ รับรองว่าฟินสุดๆ

                   สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางไปชมความงามของทะเลหมอกบนภูทอกในหน้าหนาวนี้ จากตลาดเชียงคานให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 211 ไปทางอำเภอปากชม ผ่านทางแยกเข้าแก่งคุดคู้ไม่ไกลจะพบทางแยกขวามือ ปากทางมีป้ายภูทอก ให้จอดรถไว้ที่ด้านล่างของภู แล้วใช้บริการรถชาวบ้านที่จัดไว้สำหรับขึ้นไปบนภู

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว

Categories
focus on travel

“วังน้ำเขียว” ที่เที่ยวหน้าหนาวใกล้กรุงเทพ

                ช่วงเวลาแห่งการส่งท้ายปลายปีแบบนี้ เป็นช่วงเวลาที่หลายคนชื่นชอบกันนักหนา เพราะนอกจากจะมีเทศกาลแห่งความสุขมากมายไว้รอต้อนรับแล้ว ลมหนาวที่พวกเรารอคอย ก็พัดมาแล้วเช่นกัน และก็เป็นที่รู้กันดีว่าอากาศเย็นๆ แบบนี้แหล่ะเป็นช่วงที่จะเที่ยวทุ่งดอกไม้ได้ฟินสุดๆ เพราะหมู่มวลไม้ดอกนานาพันธุ์จะพากันบานสะพรั่งให้เราได้ถ่ายรูปกันอย่างจุใจ วันนี้เราเลยจะขอพาทุกคนไปปักหมุดพิกัดชิลล์เที่ยวหน้าหนาว กับทุ่งดอกไม้แสนสวยแห่ง วังน้ำเขียว ที่มีชื่อว่า ฟลอร่า พาร์ค ว่าแล้วก็ตามเราไปหามุมเก๋ๆ แล้วถ่ายรูปสวยๆ กันได้เลย

                ฟลอร่า พาร์ค วังน้ำเขียว ถือเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวหน้าหนาวใกล้กรุงเทพ ที่เป็นสวนดอกไม้สวยงามกลางขุนเขา ซึ่งเริ่มเปิดให้เข้าไปเที่ยวชมกันได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เพื่อเป็นการต้อนรับลมหนาว ให้นักท่องเที่ยวผู้รักดอกไม้ได้ไปชิลล์กันท่ามกลางอากาศเย็นสบาย และดอกไม้สวยๆ ในคอนเซปต์ ENCHANTED FLORA PARK

                 นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร และเป็นศูนย์การเรียนรู้ในการเพาะพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับแก่เกษตรกร และผู้คนทั่วไปที่สนใจ อีกทั้งยังเปิดสวนให้นักท่องเที่ยวเข้าชมกันได้ในช่วงหน้าหนาวของทุกปี ซึ่งเราจะได้ชมดอกไม้นับล้านดอก รวมถึงไร่กุหลาบกว่า 200 สายพันธุ์ เลยทีเดียว

                  เมื่อเข้ามาข้างในสวน ก็จะมีทั้งอุโมงค์ดอกไม้ เขาวงกตดอกไม้ และพันธุ์ดอกไม้หายากที่มีเฉพาะที่วังน้ำเขียว ให้ได้ถ่ายรูปสวยๆ กันแบบฟินๆ และยังจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับห้องฉายหนังดิจิทัลอาร์ต และงานศิลปะชิ้นโบแดงที่ตั้งตระหง่านรอให้ทุกคนได้ใกล้ชิด นอกนั้นก็ยังมีเกมส์ กิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงในระหว่างเดินเล่นก็ยังสามารถเล่น AR ท่องเที่ยวโลกเสมือนในดินแดนมหัศจรรย์ได้ด้วย

                 ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวหน้าหนาว บรรยากาศดีๆ ถ่ายรูปออกมาแล้วได้ฟีลเหมือนไปเที่ยวสวนดอกไม้ในยุโรป ที่สามารถมาฟินกันได้ทั้งครอบครัว และอยู่ใกล้ๆ กรุงเทพฯ ก็ขอเชิญแวะมาปักหมุดเที่ยวกันได้ที่ ฟลอร่าพาร์ค วังน้ำเขียว เลยจ้า รับรองว่างานนี้ได้รูปสวยๆ กลับไปไว้อัพโซเชียลกันแบบแน่นๆ จุกๆ แน่นอน ที่สำคัญอย่าลืมแต่งตัวสวยๆ กันมาด้วยล่ะ เพราะที่นี่เค้ามีมุมถ่ายรูปสุดปังไปรอต้อนรับสายถ่ายรูปสายอัพรูปกันเยอะมากๆ ใครเคยมาแล้วก็มาอีกได้ไม่มีเบื่อ บอกเลยว่ามาเที่ยวหน้าหนาวกันที่นี่จะต้องดีต่อใจสุดๆ อีกทั้งที่นี่ยังเปิดให้เข้าชมปีละครั้ง เพราะฉะนั้นคนรักดอกไม้ต้องไม่พลาดไปเช็กอินกันจ้า

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel 
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว