Categories
focus on travel

“เนินนางพญา” จุดพักชมวิวที่ขึ้นชื่อที่สุดในจังหวัดจันทบุรี

“เนินนางพญา” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แลนด์มาร์กที่สำคัญของจังหวัดจันทบุรี มีลักษณะเป็นจุดพักชมวิวที่ขึ้นชื่ออีกที่หนึ่งในภาคตะวันออก ซึ่งอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของหน่วยงานเทศบาลตำบลสนามไชย และหมวดบำรุงทางหลวงชนบท เฉลิมบูรพาชลทิต (กรมทางหลวงชนบท) จังหวัดจันทบุรี โดยเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งกลุ่มครอบครัว เยาวชน ผู้สูงอายุ หรือคู่แต่งงานให้เข้าชมได้โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งที่เดินทางมาจากในประเทศและที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 

“เนินนางพญา” อยู่ในพื้นที่ของหมู่ที่ 7 บ้านท่าแคลง เฉลิมบูรพาชลฑิต ตำบลสนามไชย อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี โดยจะเปิดทำการในทุกวัน (วันจันทร์-วันอาทิตย์) ตั้งแต่เวลา 05:00 น. ไปจนถึง 00:00 น. แต่ช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวมักจะเดินทางมาเยือน คือ ช่วงเวลาระหว่าง 06.00 – 18.30 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะได้รับชมวิวธรรมชาติโดยรอบได้อย่างชัดเจน อีกทั้งในบริเวณดังกล่าวยังมีที่จอดรถ ร้านอาหาร และร้านค้าสวัสดิการต่างๆ ไว้สำหรับบริการให้แก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย

จุดพักชมวิวบนเนินนางพญา มีลักษณะเป็นหน้าผาที่มีความสูงชันมาก จึงมีการกั้นรั้วเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ริมทะเลที่อยู่ระหว่างปากอ่าวคุ้งกระเบนและหาดคุ้งวิมาน โดยมีถนนเลียบทะเลที่มีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 111 กิโลเมตร (จากจังหวัดระยองมาจนถึงจังหวัดจันทบุรี) เลียบทอดยาวไปจนถึงหาดคุ้งวิมาน อ่าวคุ้งกระเบน และแหลมเสด็จ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถชมวิวทะเลด้านข้างได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังมีการจัดทำเลนจักรยานไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวที่สนใจปั่นจักรยานชมวิวทะเลอีกด้วย

บนยอดของเนินนางพญาสามารถมองเห็นวิวของท้องทะเล ภูเขา และถนนลาดยางที่คดเคี้ยวไปมา ทำให้มีกิจกรรมที่สำคัญที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก นั่นคือ “การคล้องกุญแจคู่รัก” เพื่อเป็นการแสดงถึงสัญญารักที่มีระหว่างกันของคู่รักที่เดินทางมาท่องเที่ยว เปรียบเสมือนการทำสัญญาให้ความรักคงอยู่ยืนยาว โดยมีท้องฟ้า ทะเล ภูเขา และธรรมชาติที่สวยงามเป็นพยานรักนั่นเอง

นอกจากการมาชมวิวท้องฟ้าและทะเลที่สวยงามแล้ว ยังมีกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนอีก นั่นคือ “การชมพระอาทิตย์ตกดินในตอนเย็น” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมพระอาทิตย์สีแดงตัดกับน้ำทะเลสีฟ้า จนกระทั่งลับหายลงไปในทะเลในที่สุด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขและสวยงามเป็นอย่างมาก ทำให้ “เนินนางพญา” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนสามารถมาถ่ายภาพเก็บบรรยากาศของธรรมชาติโดยรอบได้ตลอดทั้งวัน

Categories
focus on travel

ท่องเที่ยวชมระบบนิเวศน์อันอุดมสมบูรณ์ที่ “สวนพฤกษศาสตร์ระยอง” จังหวัดระยอง

“สวนพฤกษศาสตร์ระยอง” พื้นที่ชุ่มน้ำระดับชาติ บึงสำนักใหญ่” เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดให้เข้าชมระบบนิเวศน์อันอุดมสมบูรณ์และได้ความรู้ด้านพฤกษศาสตร์ไปด้วยพร้อมกัน ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 ตำบลชากพง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย โดยสถานที่แห่งนี้มีลักษณะเด่นคือ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความหลากหลายของพรรณไม้ท้องถิ่นภาคตะวันออกที่หายากและมีความเสี่ยงในการสูญพันธุ์กว่า 400 ชนิด มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 3,800 ไร่ ซึ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มครอบครัว นักเรียน ผู้สูงอายุ หรือคู่แต่งงานให้เข้าชมได้ในทุกวัน (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ตั้งแต่เวลา 08:30 น. ไปจนถึง 16:30 น. โดยมีค่าบริการเรือท่องเที่ยว 600 บาท (ต่อ 1 ชั่วโมง) ค่าบริการเช่าจักรยาน 50 บาท (ต่อ 1 ชั่วโมง) ค่าบริการกางเต้นท์เพื่อพักแรม 50-100 บาท (ต่อ 1 คน) และค่าบริการความรู้ 20 บาท (ต่อ 1 คน)

“สวนพฤกษศาสตร์ระยอง” ก่อตั้งขึ้นมาโดยองค์การสวนพฤกษศาสตร์ที่เล็งเห็นคุณค่าของพื้นที่ชุ่มน้ำที่ช่วยลดการพังทลายของชายฝั่ง เป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งเติบโตของพรรณไม้ อีกทั้งยังเป็นการป้องกันการเข้ามาของน้ำเค็มที่มากจนขาดสมดุล จึงจัดตั้งศูนย์รวมพรรณไม้ภาคตะวันออกร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น และเสนอให้ยกระดับความสำคัญในระดับชาติ โดยมีข้อกำหนดแนวทางการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้ ตามประกาศของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เนื่องด้วยความเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ทำให้เกิดกิจกรรมท่องเที่ยวชมระบบนิเวศน์ที่น่าสนใจทั้งในทางบกและทางน้ำ นั่นคือ

  • การพายเรือคายัคท่องเที่ยว
  • การล่องเรือท้องแบนท่องเที่ยว
  • การปั่นจักรยานท่องเที่ยว

    ซึ่งสำหรับการล่องเรือท้องแบนท่องเที่ยวนั้น จะมีนักวิชาการคอยให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับสัตว์และพรรณไม้หายากต่างๆ จนจบกิจกรรม นักท่องเที่ยวจะได้ชมบรรยากาศของบึงสำนักใหญ่ หรือหนองจำรุง และป่าเสม็ดดึกดำบรรพ์ หรือป่าเสม็ดพันปี  

ระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้พบกับ “หญ้าหนังหมา” หรือ “แพหนังหมา” ซึ่งเป็นแพกอหญ้าที่เกิดจากการประสานและทับถมกันเป็นชั้น มีความหนาประมาณ 50-100 เซ็นติเมตร และมีรากที่เติบโตยาวลงไปใต้น้ำกว่า 1 เมตร ทำให้มีความแข็งแรงเป็นอย่างมากจนสามารถรับน้ำหนักของคนที่เดินอยู่ด้านบนได้ 

นอกจากนี้ ในบริเวณเดียวกันยังมี “กระจูด” ซึ่งเป็นไม้ล้มลุกที่มีลักษณะคล้ายกับต้นกก สามารถเติบโตได้สูงกว่า 3 เมตร และพรรณไม้ต่างๆ อีกมากมาย ดังนั้น สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเยี่ยมชมและศึกษาระบบนิเวศน์ของพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่มาเยือนได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ และภาพบรรยากาศโดยรอบที่สวยงามเป็นอย่างมาก

Categories
focus on travel

วัดร่องเสือเต้น Blue Temple

เชียงราย เมืองเหนือที่มีมนต์เสน่ห์ทั้งประเพณีเก่าแก่ที่สืบต่อมายาวนาน ที่เมื่อพูดถึง หลายคนก็คงนึกถึง  วัดร่องขุ่น ไร่บุญรอด ไร่ชาฉุยฟง และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เมืองที่มีวัฒนาธรรมที่สืบทอดมายาวนาน และยังมีวัดที่มีศิลปะวิจิตรประณีตหลากวัด อย่างเช่น วัดเสือร่องเสือเต้น อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

ประวัติความเป็นมา

เดิมวัดร่องเสือเต้น นั้นเป็นเพียงวัดร้างที่มีอยู่ใกล้หมู่บ้าน และชาวบ้านได้ร่วมกันบูรณะ เพื่อไว้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านร่องเสือเต้น ลักษณะเด่นของวัดร่องเสือเต้นนี้ คือ วิหารวัดร่องเสือเต้น ที่ สร้างและออกแบบโดย สล่านก หรือพุทธา กาบแก้ว ศิลปินบ้านชาวเชียงรายศิษย์ก้นกุฏิของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์  วัดร่องเสือเต้น  ได้สร้างขึ้นเมื่อ 27 ตุลาคม 2548 สร้างเสร็จเมื่อ 22 มกราคม 2559 ระยะเวลาก่อสร้างนานถึง 11 ปี

ไฮไลท์ของวัดร่องเสือเต้น 

  • วิหารของวัดแห่งนี้ ใช้โทนสีที่แตกต่างไปจากทุกที่ นั่นคือโทนสีน้ำเงินฟ้ากับสีทอง ซึ่งได้มีคำนิยามถึงสีที่ทาไว้ว่าสีน้ำเงินฟ้าแทนความหมายของการขจรขจายทั่วไปเหมือนดังท้องฟ้า เป็นแนวพุทธศิลป์ที่คิดต่างและร่วมสมัย
  • อีกจุดที่จะลืมไม่ได้เลย คือ รูปปั้นพญานาคหน้าวิหาร เป็นผลงานฝีมือของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินผู้มีชื่อเสียงอีกท่าน เป็นรูปปั้นพญานาค ที่มีทำให้สัมผัสได้ถึงความดุดัน น่าเกรงขม แต่ก็มีความอ่อนช้อยวิจิตปราณีต ตามรูปแบบศิลปะล้านนา
  • ชมความสวยงามของ พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ ที่องค์เป็นมีสีขาวมุก ในพระเศียรมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ ใต้ฐานมีพระรอดลำพูน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองมากมายฝั่งอยู่ พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่หมายถึง พระพุทธเจ้าทรงเป็นมงคล เจ้าในความเป็นราชา เป็นที่พึ่งในสามโลก
  • พระอุปคุตปางจกบาตร องค์สีขาวมุก ประดิษฐานอยู่กลางวงเวียนน้ำพุหน้าโบสถ์ นั่งอยู่บนบัวน้ำ อย่างแปลกตา ที่มีความพลิ้วไหวและดู นับเป็นปางจกบาตรที่งดงาม
  • เสาประตูวัดที่ประดับด้วยองค์เทพองค์ใหญ่มีหางเป็นพญานาค ดูน่าเกรงขาม บริเวณฐานของเทพทั้งสององค์ยังมีลักษณ์เป็นเหมือนบ่อศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

นี่เป็นอีกฟสถานที่อีกแห่งที่อยากแนะนำให้ไปแวะเที่ยวชมเมื่อคุณเดินทางไปจังหวัดเชียงราย ไปชมศิลป์ที่สวยงามและโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  และมีศิลป์ที่มีความอ่อนช้อยมากที่สุดและแปลกตาที่สุด พร้อมทั้งเข้ามากราบไหว้สักการะพระประธานที่สวยในวิหาร และสักการะพระบรมสาริกธาตุ เพื่อเป็นสิริมงคลให้แก่ตนเองด้วยนะคะ

Categories
focus on travel

สะพานมอญ เมืองกาญฯ

สะพานมอญ สะพานไม้ที่เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจน์บุรี สังขละบุรี สะพานไม้ที่มีความยาวและเชื่อมต่อระหว่างเขตแดนพม่า เป็นสะพานที่เชื่อมต่อวัฒนธรรมที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง ที่อยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพมากนัก  

สะพานมอญ

ความเป็นมาของสะพานมอญ

สะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์  ซึ่งชื่อสะพานอุตตามานุสรณ์ นั้นถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึง ท่านเจ้าอาวาส วัดวังก์วิเวการาม นามว่า หลวงพ่ออุตตมะ ผู้สร้างค่ะ

โดยสะพานไม้เป็นตัวเชื่อมของวัฒนาธรรมแห่งนี้นั้นเริ่มการสร้างตั้งแต่ปีพ.ศ. 2529 จนถึง พ.ศ. 2530 ด้วยฝีมือแรงงานของชาวมอญ มีวัตถุประสงค์เพื่อทำการค้าขาย แลกเชื่อมโยงวัฒนธรรมและประเพณีของทั้งสองเชื้อชาติ ปัจจุบันนี้นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ของจังหวัดกาญจนบุรี สะพานมอญเป็นสะพานไม้ จึงไม่อนุญาตให้นำรถวิ่งข้ามได้หากไปเที่ยวต้องจอดรถไว้ที่แล้วเดินเท้าไป

สะพานมอญ

ไฮไลท์ที่ดึงดูดให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม

สะพานมอญ สถานที่เชื่อมโยงวัฒนธรรม และสัมผัสได้ได้ถึงความมีเสน่ห์ของวิถีชีวิตของสองเชื้อชาติ และเป็นจุดชมวิวของเขื่อนวชิราลงกรณ์ ชมแสงแรกยามเช้าที่สวยงาม ได้ใกล้ชิดวิถีชาวบ้านกลางสายหมอก

สะพานมอญ

นั่งเรือชมโบราณสถาน เมืองบาดาล และชม วัดศรีสุวรรณ หรือ วัดกระเหรี่ยง เป็นวัดของชาวกระเหรี่ยง ที่จมอยู่ในน้ำ แต่ช่วงที่มีน้ำเยอะ จึงไม่สามารถเห็นชัดเจน  ถ้าอยากเห็นเต็มๆ ต้องเป็นช่วงเดือนเมษายนเพราะน้ำจะลด

ชมซาก วัดจมน้ำ หรือวัดวังก์วิเวการาม (เดิม)” แต่เดิมแหล่งชุมชนของชาวมอญ ตรงบริเวณที่ “สามประสบ” ซึ่งเป็นที่จบกันแม่น้ำทั้ง 3 สาย นั่นก็คือ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี

ลงเล่นน้ำที่น้ำตกซองกาเลีย ที่ตรงแถวสะพานแม่น้ำซองกาเลีย ทางไปด่านเจดีย์สามองค์ วิวก็สวย น้ำเย็น

สะพานมอญ

การเดินทางไปสะพานมอญ

การเดินทางโดยรถส่วนตัว :   เริ่มการเดินทางจาก อ.เมือง ไปสู่ สะพานมอญใช้ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 323 ไปทางอำเภอไทรโยค – ทองผาภูมิ ได้สักระยะก่อนถึงตัวอำเภอทองผาภูมิ เจอสามแยกเลี้ยวขวามุ่งหน้าอำเภอสังขละบุรีเมื่อผ่านอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ผ่านตัวอำเภอสังขละบุรี และข้ามสะพานซองกาเลีย แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสะพานไม้ สุดซอยถึงจุดหมายสะพานมอญ

สะพานมอญ

การเดินทางโดยรถสาธารณะ :  สามารถขึ้นเส้น กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี ที่ขนส่งสายใต้ใหม่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อไปลงที่สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี แล้วต่อรถสายกาญจนบุรี – ทองผาภูมิ – สังขละบุรี เพื่อไปที่ท่ารถสังขละบุรี รวมใช้เวลาในการเดินทางตั้งแต่ตัวเมืองจนถึงสังขละบุรีประมาณ 4-5 ช.ม.

สะพานมอญ

Categories
focus on travel

พิพิธภัณฑ์บ้านดำ

พิพิธภัณฑ์บ้านดำ

 เมื่อมีโอกาสไปเที่ยวในจังหวัดเชียงราย มีอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากแนะนำ นั่นคือ “บ้านดำ” หรือ “พิพิธภัณฑ์บ้านดำ” เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้านขนาดใหญ่ ที่อยู่ใน ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย สถานที่ที่รวบรวมงานศิลปะฝีมือของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินมีชื่อผู้ล่วงลับ

พิพิธภัณฑ์บ้านดำ

ความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์บ้านดำ

 บ้านดำ หรือ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ สร้างขึ้นโดย อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ ลักษณะของบ้านไม้ รูปทรงแปลกตาแบบล้านนาทาด้วยโทนสีดำเกือบทุกหลังสีที่ อาจารย์ถวัลย์ โปรดปราน “พิพิธภัณฑ์บ้านดำ” จะเป็นแนวการสร้างให้มีความกับวัดร่องขุ่นของ อาจารย์เฉลิมชัย มีคำพูดไว้ว่า “เฉลิมสร้าง สวรรค์ ถวัลย์สร้าง นรก”

พิพิธภัณฑ์บ้านดำ

จุดเด่นและกิจกรรมที่น่าสนใจ

  • บรรยากาศโดยรอบของบ้านดำ เป็นบรรยากาศที่ร่มรื่น เย็นสบาย เราจะพบบ้านสีดำทั้งหมด ซึ่งบ้านแต่ละหลังจะแตกต่างกัน บ้านแต่ละหลังไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อพักอาศัย แต่มีไว้เพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานของ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี หรืออาจเรียกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ นั่นเอง โดยแต่ละหลังจะประดับด้วยไม้แกะสลัก ลวดลายงดงามในเอกลักษณ์และศิลปะรูปแบบล้านนา ที่ควรค่าจัดแสดงไว้ด้วย
  • ที่นี่มีจุดจัดแสดงผลงานทางศิลปะ ที่มีคุณค่าของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินผู้ล่วงลับ ตามบ้านแต่ละหลัง ทั้งงานจิตกรรม งานประติมากรรม จุดแสดงเขาและกระดูกสัตว์ชนิดต่าง ๆ
  • มีอีกหลายส่วนที่หากได้เข้าไปชมจะเพลิดเพลินแน่นอน! กับศิลปะของ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี นอกจากจะมีบ้านที่สวยให้ชมแล้ว ยังมีสัตว์ อีกหลายชนิดให้ชมด้วยนะ

คำแนะนำ

พิพิธภัณฑ์ปัจจุบันมีการเรียกเก็บค่าเข้าชมสถานที่ ที่คนละ 80 บาทจากเดิมนั้นไม่ได้มีการเรียกเก็บมาตลอดแต่เนื่องจากต้องมีการดูแลบำรุงรักษาสถานที่ที่ในที่ได้รับความทรุดโทรมลง ตามกาลเวลา ทำให้ต้องได้รับการดูแลรักษา เพื่อให้รองรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมผลงานอันทรงคุณ ของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ให้อยู่ต่อไปได้อย่างยาวนานและขอให้ปฎิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ดังนี้

  • ไม่ที่จะไปจับสิ่งของในพิพิธภัณฑ์บ้านดำ
  • ห้ามนำไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มเข้ามาในบริเวณพิพิธภัณฑ์บ้านดำ
  • ห้ามนำสัตว์เลี้ยงไม่ว่าชนิดไหนเข้ามาในพิพิธภัณฑ์บ้านดำ
  • ห้ามส่งเสียงดังขณะเข้าชมพิพิธภัณฑ์บ้านดำ
  • ห้ามสูบบุหรี่ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์บ้านดำ
  • ห้ามทิ้งขยะภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์บ้านดำ

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์บ้านดำ

ที่อยู่ : 414 หมู่ 13 บ้านดำ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย 57100   

เปิดเข้าชม : ทุกวันจันทร์ – อาทิตย์ ตลอดจนวันหยุดนักขัตฤกษ์ 09:00 – 17:00 น.  โทร : 0-5377-6333

หากมีโอกาสได้ไปเชียงราย อย่าลืมแวะไปชม พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ ที่ที่รวมศิลปะอันมีคุณค่าที่ฝากให้ลูกหลานได้ชมกัน ถือเป็นของล้ำค่ามาก

Categories
focus on travel Uncatagories

แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ “อ่างเก็บน้ำเขาจุก” อ.แกลง จ.ระยอง

อ่างเก็บน้ำเขาจุก
Cr. Pic.eastern-thailandguide.com

ในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผู้คนส่วนใหญ่มักจะนิยมไปท่องเที่ยวในสถานที่ที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากพวกเขาเหล่านั้นต้องการหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้คนที่ดำรงชีวิตอยู่ในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยมลภาวะต่างๆ เช่น มลภาวะทางเสียง มลภาวะทางอากาศ เป็นต้น แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ (Natural Attraction) จึงเป็นตัวเลือกที่สำคัญที่ทำให้ผู้คนตัดสินใจไปเยือนนั่นเอง

อ่างเก็บน้ำเขาจุก
Cr. Pic. eastern-thailandguide.com
อ่างเก็บน้ำเขาจุก
Cr. Pic. Rayonghip

เนื่องจากบริเวณโดยรอบของอ่างเก็บน้ำเขาจุกยังคงมีชุมชนที่มีชาวบ้านอยู่อาศัย มีจุดกางเต็นท์และสวนผลไม้ ทำให้ภูมิทัศน์รอบข้างยังคงมีความเขียวขจีของธรรมชาติ ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ดังกล่าว ได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นจุดแข็งของ “อ่างเก็บน้ำเขาจุก” เป็นสถานที่ที่สามารถตอบสนองความต้องการพักผ่อนให้กับผู้ที่มาเยือนได้หลากหลาย

อ่างเก็บน้ำเขาจุก
Cr. Pic. Rayonghip
Cr. Pic. Rayonghip
Cr. Pic. Rayonghip

“อ่างเก็บน้ำเขาจุก” นอกจากจะเป็นแหล่งกักเก็บน้ำแล้ว ยังเป็นสถานที่ที่สร้างกิจกรรมต่างๆ ให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอีกด้วย โดยในช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเดินหรือวิ่งออกกำลังกายท่ามกลางอากาศที่บริสุทธิ์ ในช่วงเวลากลางวัน นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมธรรมชาติรอบๆ อ่างเก็บน้ำฯ โดยมีร่มของต้นไม้ใหญ่ให้นั่งหลบแดด หรือเป็นสถานที่สำหรับนั่งปิกนิกกับคนในครอบครัว เมื่อถึงช่วงเวลาเย็นสามารถปั่นจักรยานชมวิวของอ่างเก็บน้ำฯ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเหล่าต้นไม้และภูเขาที่ล้อมรอบ โดยจะมีจุดชมวิวให้แวะพัก เพื่อเก็บภาพบรรยากาศที่สมบูรณ์และเงียบสงบอีกด้วย

อ่างเก็บน้ำเขาจุก
Cr. Pic. eastern-thailandguide.com

          แน่นอนว่า การเดินทางมายังแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาตินั้น นอกจากจะทำให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนหย่อนใจและซึมซับอากาศที่บริสุทธิ์ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์แล้ว ยังเป็นการสร้างการตระหนักรู้ให้กับผู้ที่มาเยือนเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติที่เหลืออยู่อย่างจำกัด และการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติ โดยที่ไม่เบียดเบียนหรือทำลายเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของมนุษย์ อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังเยาวชนรุ่นใหม่ให้ร่วมกันรักษาและฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติให้ยังคงอยู่กับคนรุ่นต่อไปได้อีกด้วย

Categories
focus on travel

ท่องเที่ยว “สะพานรักษ์แสม” ชมความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน

สะพานรักษ์แสม

“สะพานรักษ์แสม” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยี่ยมชมความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน ตั้งอยู่บริเวณลุ่มน้ำป่าชายเลน ณ คลองท่าตาโบ๊ย หมู่ที่ 2 ตำบลเนินฆ้อ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครเป็นระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเข้าชม ตั้งแต่เวลา 08:00 น. จนถึงเวลา 18:00 น. ของทุกวัน

สะพานรักษ์แสม

“สะพานรักษ์แสม” แท้จริงแล้วเป็นชื่อของสะพานแขวนสำหรับใช้ข้ามคลองท่าตาโบ๊ยที่ทอดยาวประมาณ 100 เมตร โดยมีเอกลักษณ์ที่สำคัญ คือ เป็นทางเดินไม้ที่นำแผ่นไม้มาสร้างโดยเรียงต่อกันเป็นทางเดิน สะพานรักษ์แสมแห่งนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจหลบหนีจากความเครียดหรือความวุ่นวายที่พบเจอในชีวิตประจำวัน ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีความเงียบสงบ มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งให้ความรู้นอกห้องเรียนอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการพาบุตรหลานมาเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศของป่าชายเลน และการอนุรักษ์ปูแสมของชาวบ้านในชุมชน

สะพานรักษ์แสม

นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมป่าชายเลนบนสะพานไม้ที่ทอดยาวต่อไปหลังจากที่ข้ามสะพานแขวนมาแล้ว ซึ่งจะเป็นทางเดินไม้ที่วนเป็นวงกลมที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยป่าชายเลน โดยมีระยะทางรวมทั้งสิ้นประมาณ 800 เมตร ทำให้สามารถซึมซับบรรยากาศและได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เมื่อเริ่มเดินไปตามทาง นักท่องเที่ยวจะได้พบกับบรรดานก สัตว์น้ำ และธนาคารปูแสม ซึ่งเป็นโครงการที่ชาวบ้านในชุมชนร่วมกันสร้างขึ้นเพื่ออนุรักษ์พันธุ์ของปูแสมในพื้นที่

สะพานรักษ์แสม
สะพานรักษ์แสม

นอกจากบรรรดาสัตว์ต่างๆ ที่จะได้พบเจอแล้ว ยังมีพืชพันธุ์ไม้จำนวนมากที่เติบโตไปคู่กัน หนึ่งในพันธุ์ไม้ที่โดดเด่น นั่นคือ ต้นตาตุ่มทะเล (Blind Your Eyes) ที่มีลักษณะเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ มักจะพบได้ตามป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ ถือเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ทั้งจากใบ ยาง ราก เนื้อไม้ และเปลือกของต้นอีกด้วย

สะพานรักษ์แสม

นักท่องเที่ยวจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการเดินวนบนทางเดินไม้ครบหนึ่งรอบ ซึ่งจะมีต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ที่ให้ร่มเงาตามทางเดิน โดยจะมีป้ายบอกข้อมูลเกี่ยวกับพันธุ์ไม้แต่ละต้นให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ตามทางเดินยังมีศาลาสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้แวะนั่งพัก เพื่อเยี่ยมชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ขับเรือผ่านไปมาในคลองท่าตาโบ๊ย และมีหอชมวิวที่ให้นักท่องเที่ยวได้เดินขึ้นไป เพื่อชมภาพจากมุมสูงของพื้นที่ และได้เก็บภาพบรรยากาศโดยรอบของสะพานรักษ์แสมอีกด้วย

Categories
focus on travel

เที่ยวราคาสบายกระเป๋า…ให้มาที่ “สวนสนประดิพัทธ์”

สวนสนประดิพัทธิ์

หากจะพูดถึงสวนสนประดิพัทธ์  ทุกคนต้องนึกถึงว่าเป็นที่พักที่มีชื่อเสียงมากอีกที่หนึ่ง  ที่ใครหลายคนเรียกกันสั้นๆ  ว่า  “สวนสน”  ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่บริเวณชายหาดจะมีสนประดิพัทธ์  ซึ่งเป็นต้นสนไม้ยืนต้นสูงมาก  ต้องบอกว่าเป็นสถานที่เงียบสงบมาก  ไม่มีสิ่งวุ่นวายใจเลย 
จะเห็นได้ว่าข้าราชการทหารจะมาพักผ่อนเหมือนบ้านพักตากอากาศ  โดยมากันกับกลุ่มเพื่อนบ้าง  มาเป็นครอบครัวบ้าง  เหล่าทหารเหล่าอื่นมาบ้าง  เช่น  ทหารเรือ  ทหารอากาศ  และตำรวจ  จะมาพักกันที่นี่เพื่อผ่อนคลายจากการทำงาน  นอกจากนี้พลเรือนหรือประชาชนทั่วไปสามารถมาพักอาศัยเองได้ด้วย

สวนสนประดิพัทธ์

สวนสนประดิพัทธ์เป็นที่พักอยู่ในความดูแลของกองทัพบก  การจองบ้านพักริมชายหาดจะมีหลายโซนให้เลือก  แต่สิ่งที่น่าแตะตามากที่สุดนั่นก็คือส่วนลดในการเข้าพักที่บ้านพักนี่แหล่ะ 
ในกลุ่มพลเรือนหรือประชาชนทั่วไป  แม้กระทั่งข้าราชการทั่วไป  พนักงานทั่วไป  หรือบุคคลอาชีพอื่นๆ  จะเสียค่าบริการห้องพักเต็มราคา  ส่วนทหารบกเสียค่าธรรมเนียมห้องพัก  50%  และกลุ่มข้าราชการเหล่าอื่น  30%  ซึ่งเรียกได้ว่าใครเป็นคนมีสีถือว่าได้เปรียบในส่วนลดเลยล่ะ  แต่ไม่ได้แปลว่าคนธรรมดาทั่วไปจะพักไม่ได้นะ

สวนสนประดิพัทธ์
สวนสนประดิพัทธ์

ในโซนต่อมาเป็นบ้านทรายเงิน  ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนกันกับบ้านทรายทอง  มีลักษณะบ้านพักที่สีไม่ฉูดฉาดเท่าบ้านทรายทอง  เป็นบ้านแบบ  2  ห้องนอน  1  ห้องน้ำ  จะติดกับชายหาดและใกล้สวนสนประดิพัทธ์มาก  กว่าบ้านทรายทองและมีราคาถูกกว่ากันมาก  เหมาะกับคนที่ชอบมากันเป็นกลุ่มเพื่อน  หรือครอบครัวเล็กๆ  มากกว่า

สวนสนประดิพัทธ์

ยังมีอีกโซนที่แยกกัน  เช่น  เรือนทอง  ซึ่งเป็นเรือนนอน  และยังมีห้องพักรับรองแบบปรับอากาศเพื่อเอาใจคนต้องการมาแบบส่วนตัว  หากใครได้มาที่บ้านพักตากอากาศ  จะเห็นหาดสวนสนประดิพัทธ์และเขาตะเกียบชัดเจน  เนื่องจากติดฝั่งอ่าวไทย 

นอกจากนี้มีที่หยุดรถไฟสวนสนประดิพัทธ์  มีสระว่ายน้ำ  สนามกอล์ฟ  บริการห่วงยาง  และมีร้านอาหารระเบียงสวนสน  ซึ่งเป็นห้องอาหารบริการอาหารและเครื่องดื่มอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาใช้บริการ  ส่วนถ้าใครอยากมาสามารถมาท่องเที่ยวได้  และไม่ใช่แค่มีส่วนลดสำหรับข้าราชการทหารอย่างเดียว  แต่ที่พักแห่งนี้เป็นที่พักราคาจับต้องได้มากในกลุ่มพลเรือน  เช่น  กลุ่มบ้านทรายทองคิดในราคาพลเรือนเป็นราคา  3,700 บาท/หลัง  ส่วนบ้านทรายเงินราคา  2,500 บาท/หลัง  เรียกได้ว่าราคาเข้าถึงได้ในกลุ่มพลเรือนที่อยากมาแบบส่วนตัวจริงๆ

ก่อนจากกัน  หากใครสนใจจะจองที่พัก  ให้ติดต่อที่สถานพักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบก (สวนสนประดิพัทธ์)  หรือสอบถามรายละเอียด  โทร. 032-655985-987,081-9866984, 081-9449897  โทรสาร 032-655984  สวนสนประดิพัทธ์จึงเป็นสถานที่ราคาประหยัดและที่พักเต็มเร็วมาก  หากใครจะมาขอให้มาเร็วๆ  ส่วนเรื่องโจรกรรมไม่มีเลย  เนื่องจากเป็นเขตความดูแลของทหาร  ขอรับประกันด้านความปลอดภัยเลยทีเดียว

Categories
focus on travel

คลายร้อนไปกับธรรมชาติที่ “น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น”

         “กาญจนบุรี” นับเป็นจังหวัดที่สามารถเที่ยวได้แบบครบรส เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ศิลปะ ประวัติศาสตร์ หรือแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอย่าง ภูเขา และล่องแพ แต่ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้เลย คือกาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่มีน้ำตกสวยงามอลังการอยู่มากที่สุดจังหวัดหนึ่ง ทั้งน้ำตกเอราวัณ น้ำตกไทรโยค และที่เรากำลังจะพูดถึง นั่นคือ “น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น”

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น

        “น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น”  ตั้งอยู่ใน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี บริเวณที่ทำการอุทยาน ริมทะเลสาบเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นน้ำตกหินปูน ที่ได้ชื่อว่าสวยงามมากรองจากน้ำตกเอราวัณเลยทีเดียว ทั้งยังมีความร่มรื่น เพราะแวดล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้ป่าสารพัดชนิด เป็นน้ำตกสูง 7 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นก็มีเอกลักษณ์และความสวยงามแตกต่างกันไป นอกจากนี้ ทางเดินขึ้นไปยังน้ำตกแต่ละชั้น ทางอุทยานยังทำให้เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติด้วย

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น


       
การเดินทางไปยังน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นนั้น หากเป็นเมื่อก่อน จะค่อนข้างลำบากเพราะเป็นทางลูกรัง และต้องเดินทางหลายต่อ ทำให้มีนักท่องเที่ยวน้อย แต่ปัจจุบันนี้สะดวกขึ้นมาก เพราะมีถนนลาดยางไปจนถึงน้ำตกเลย แถมบริเวณที่จอดรถยังอยู่ใกล้ทางเข้าของน้ำตกชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นที่สวยที่สุดอีกด้วย

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการแคมปิ้ง ก็มีจุดกางเต็นท์ให้ด้วยเช่นกัน โดยจะอยู่บริเวณน้ำตกชั้นที่ 1 และชั้นที่ 4 ซึ่งทั้งสองจุดจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน โดยชั้นที่ 1 จะอยู่ติดกับน้ำตกเลย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบนอนฟังเสียงน้ำตก สงบๆ ชิลๆ ส่วนชั้นที่ 4 จะเป็นจุดชมวิว มองเห็นภูเขา รวมทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้อย่างสวยงาม ก็สามารถเลือกจุดกางเต็นท์ได้ตามความชอบของแต่ละคนได้เลย

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น มีน้ำมากตลอดปี สามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดู แต่แนะนำว่ามาช่วงเดือนตุลาคมถึงเมษายนจะดีที่สุดเพราะเป็นช่วงฝนน้อย น้ำจะไม่ขุ่นมาก แต่ถึงแม้น้ำด้านบนจะขุ่น แต่น้ำตกที่ไหลลงมาก็ยังคงใส และสวยงามอยู่มาก
          สิ่งสำคัญของการเที่ยวอุทยานฯ คือ การรักษาความสะอาด ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้นำอาหารมากินบริเวณน้ำตกโดยเด็ดขาด แต่จะมีจุดบริการไว้ให้ เพื่อไม่ให้เกิดขยะ ที่อาจส่งผลเสียต่อธรรมชาติและสัตว์ป่าได้

Categories
focus on travel

ลานน้ำเข็ก สถานที่เล็กแต่ให้ความสุขที่ยิ่งใหญ่

เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมีนาคม สภาพอากาศในหลายๆที่ รวมถึง จังหวัดพิษณุโลก พบว่า มีอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นมากในภาคบ่าย ได้รับความร้อนกันถ้วนหน้า

ลานน้ำเข็ก

ทางจังหวัดพิษณุโลกจึงได้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวคลายร้อน น้องใหม่ ที่มีขึ้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เป็นสถานที่ไว้สำหรับผ่อนคลาย คลายร้อนได้ดี เหมาะกับการพักผ่อนเป็นครอบครัว ไม่ว่าจะมาเป็นคู่ หรือมาเป็นกลุ่มเพื่อนก็สนุกสนานได้เต็มที่

ลานน้ำเข็ก

สถานที่น้องใหม่แห่งนี้ คือ ลานน้ำเข็ก หรือเรียกอีกอย่างว่า น้ำตกแก่งซาง เป็นพื้นที่เอกชนแต่เจ้าได้ดูแลจัดสรรพื้นได้เป็นอย่างดี เจ้าของคือ
นายสราวุธ คนใหญ่ อายุ 45 ปี ข้าราชการหนุ่ม เดิมทีได้ทำสวนเกษตรอินทรีกว่า 50 ไร่ แต่ด้วยความงดงามของธรรมชาติในพื้นที่ของตัวเอง จึงอยากแนะนำให้ผู้คนได้พบเจอความสวยงามเหมือนตนเอง จึงได้ปรับ ได้ปรับปรุงพื้นที่ เปลี่ยนภูมิทัศน์ให้สวยงามมากขึ้น จนกลายเป็น ลานน้ำเข็ก-น้ำตกแก่งซาง

ลานน้ำเข็ก

จุดที่ดึงดูดความสนใจของที่นี่ มีหลายจุด จุดเรียก เรียกได้ว่า เป็นจำอำนวยการ เพราะ เป็นส่วนของการร้านอาหาร ที่เมนูพร้อมเสิร์ฟอย่างมากมาย รสชาติก็ใช้ได้เลยทีเดียว อีกทั้งส่วนด้านบนนี้ ยังเป็นที่สำหรับนักแคมป์ปิ้ง สามารถนอนพักริมน้ำ พร้อมให้คุณได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืนได้ดี โดยที่คุณสามารถวางใจได้ถึงความปลอดภัย เพราะ พื้นที่ส่วนนี้อีกฝากหนึ่งจะเป็นในส่วนการดูแลของกรมป่าไม้ เรียกได้ว่าเป็นการดูแลร่วมกันและยังคงไว้ซึ่งความสวยงามด้วย

ลานน้ำเข็ก

ถัดลงมาอีกนิด จุดนี้ เรียกว่า จุดเด็กหรือจุดปลอดภัย เป็นบริเวณที่เป็นตัวน้ำตก จะพบกับจุดเล่นน้ำพร้อมแคร่นั่งสีเหลือง จุดนี้เหมาะสำหรับเด็ก สามารถเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย เพราะจะเป็นลานน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นแผ่นหินมีน้ำไหลผ่านประมาณ 30 ซม.

ลานน้ำเข็ก

ถัดลงมาอีกนิด  จุดนี้เรียกได้ว่า เป็น จุดธรรมชาติบำบัด จะเป็นน้ำตกเล็กๆ เหมาะกับการทำสปาธรรมชาติ เนื่องจากเป็นน้ำที่ไหลลงจากโขดหินเป็นลานกว้าง เหมาะสำหรับการนั่งผ่อนคลาย เหมือนได้มาทำสปา แต่เป็นสปาในธรรมชาติที่ทำให้จิตใจสงบ ร่มเย็นขึ้นมา

ลานน้ำเข็ก

ขอบอกว่า ที่นี่น้ำมีทั้งปี เพราะสถานที่นี้เป็นตาน้ำจากธรรมชาติที่พุ่งขึ้นมาจากใต้ผิวดิน  น้ำจึงไม่มีวันแห้ง สำหรับใครที่สนใจอยากจะมาสัมผัสธรรมชาติ เล่นน้ำคลายร้อน ที่ลานน้ำเข็ก-น้ำตกแก่งซาง หรือมาตั้งแคมป์ปิ้ง ก็สามารถมาได้ตลอดทั้งปี 

ลานน้ำเข็ก

การเดินทางก็สะดวกสบาย หากมีรถส่วนตัวสามารถขับมาเองตาม อยู่ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลกเพียง 49 กิโลเมตร เส้นทางถนนหมายเลข 12 (มุ่งหน้านครไทย) กลับรถตรงตลาดทรัพย์ไพรวัลย์จะเจอลานน้ำเข็ก-น้ำตกแก่งซางอยู่ทางซ้ายมือ หรือหากนั่งรถประจำทางก็ขึ้นสาย พิษณุโลก-นครไทย ลงตลาดทรัพย์ไพรวัลย์แล้วเดินต่อไปอีกไม่ไกล

สอบถามเพิ่มเติม ที่ 081-8326555