เชื่อว่าทุกคนหรือไม่ก็เด็กๆ ทุกคนจะมีสัตว์อยู่ไม่กี่อย่างที่เมื่อเห็นมันแล้วจะต้องรู้สึกกลัวมากถึงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตัวเงินตัวทอง ตุ๊กแก จิ้งจก สัตว์เลื้อยคลานต่างๆที่อาศัยอยู่บนโลกของเราเลยก็ว่าได้ ถ้าคุณลองไปถามเด็กๆ ทุกคนไม่ว่าจะเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย เกือบจะ 100%จะมีอยู่ หนึ่งชนิดที่กลัวกันมากที่สุดคือ งู นั้นเอง แค่พูดคำว่า งู ออกมาก็ทำให้ใครหลายๆคนที่ได้ยินถึงกับขวัญหายได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นงูที่มีพิษ อย่างที่เรารู้จักกันดีคือ งูจงอาง งูเห่านั้นเอง งูอีกชนิดที่ไม่มีพิษที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีคือ งูหลาม งูเหลือม และ อนาคอนด้าเขียว แล้วนี่เองจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะทั้งให้ความรู้แก่เด็กๆ และรู้จักงูแต่ละชนิด โดยจะแนะนำได้ดังนี้
ครั้งนี้จึงอยากให้ทุกๆ คนไปสัมผัสประสบการณ์แสนจะแปลกใหม่ๆ ที่จะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับเจ้างูที่น่ารักเหล่านี้ได้ดีกว่าเดิม ที่พิพิธภัณฑ์งู หรือ Siam serpentatium กรุงเทพนั้นเอง จะมีการเปิดบริการแค่ วันเสาร์และวันอาทิตย์รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 10:00 น. ถึงเวลา 17:00 น.สำหรับค่าเข้าชม เด็กจะอยู่ที่ 99 บาท ผู้ใหญ่ 199 บาท สำหรับที่ตั้งจะอยู่เขตลาดกระบัง ถนนหลวงเพ่ง สามารถโทรสอบถามเส้นทางได้ที่ 0923265800 ในเวลาทำการ สำหรับใครที่กลัวงู ถ้าได้มาพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะทำให้ความรู้สึกของคุณที่มีต่องูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเดินเข้ามาอย่างแรกที่คุณจะได้เห็นหรือด่านแรกของพิพิธภัณฑ์งูแห่งนี้
- ปฏิเสธไม่ได้เลยว่างูอยู่รอบตัวเราตลอดเวลา ภายในจะมีการจำลองถึงการเคลื่อนที่ของงูโดยทั่วไป เช่น งูที่เราพบเห็นโดยทั่วไป งูเห่า งูจงอาง งูแมวเซา หรือแม้แต่กระทั่งงูเหลือมและงูหลาม ก็จะมีการเคลื่อนที่เหมือนๆ กัน แต่ถ้าเป็นงูที่อาศัยอยู่บริเวณทะเลทรายการเคลื่อนที่ของมันต้องเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็ว เหตุผลนั่นก็เพราะว่าบริเวณทะเลทรายนั้น ขึ้นอยู่ตำแหน่งการส่อง เพราะอุณหภูมิของพื้นทรายจะมีอุณหภูมิที่สูงมากทำให้งูต้องเคลื่อนตัวด้วยความรวดเร็วไม่เช่นนั้นก็จะไหม้เกรียมไปทั้งตัว จากงูทะเลทรายก็สามารถกลายเป็นงูแดดเดียวไปได้เช่นกัน เพื่อเอาตัวรอดตามสภาพแวดล้อม
- บางพื้นที่ภายในพิพิธภัณฑ์ ก็จะเห็นงูที่เคลื่อนที่ด้วยการบินหรือการร่อนได้อย่างง่ายดาย (เช่น งูที่อยู่โซนอเมริกาใต้จะค่อนข้างดุเป็นพิเศษ สามารถพุ่งออกมาจู่โจมได้ จนเหมือนคล้ายๆ งูบิน) และงูส่วนใหญ่ที่เราเจอก็จะเป็นงูชนิดเดียวกับงูเขียวพระอินทร์นั่นเอง การจำลองอย่างต่อไปเป็นสิ่งที่ชอบมากคือจะเป็นการจำลองเมื่อเราโดนงูรัด ทั้งงูเหลือมและงูหลาม โดยจะมีช่องขนาดเท่ากับแขนคน เพื่อที่จะให้เรานำแขนเราเข้าไปข้างในเครื่องนี้แล้วจะจำลองความรู้สึกเมื่อเราโดนงูรัดจะเป็นอย่างไร เพื่อพ้นด่านแรกของการรับมือและความรู้สึกเมื่อโดนงูรัดแล้ว…เราจะเอาตัวรอดอย่างไร
ในส่วนต่อมาของพิพิธภัณฑ์งูแห่งนี้ก็คือ สวนงูหรือจะเรียกกันว่าสวนสัตว์ที่มีแต่งูก็ว่าได้เช่นกัน สวนงูแห่งนี้จะรวบรวมงูทั้งหมดเกือบทั่วโลกกว่า 60 สายพันธุ์ได้มาโชว์ตัวพร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับงูชนิดนั้นไปด้วย และจะสามารถเจองูที่หายากได้ที่นี่เพราะงูตัวนี้มีที่อยู่อาศัยและพบมากอยู่ในบริเวณป่าอเมซอนทวีปอเมริกาใต้
แน่นอนงูที่กำลังพูดถึงอยู่นั่นเป็นไฮไลต์ของที่นี่เลยก็คือ งูอนาคอนด้าเขียวนั่นเอง ตัวจะใหญ่ พละกำลังสูงมาก จู่โจมเร็ว เพราะมันอยู่ในกลุ่มงูอนาคอนด้าหรืองูโบอาน้ำ ที่ชอบว่ายน้ำเหมือนในสารคดีหรือภาพยนตร์ต่างๆ จากนั้นจะมีการแสดงอยู่ในโซนที่เรียกว่า นาคา theater เป็นโชว์เกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของพญานาคซึ่งอย่างที่รู้กันว่าพญานาคเป็นเจ้าแห่งงู พิพิธภัณฑ์งูแห่งนี้มีจุดถ่ายรูปมากมายให้เลือกได้อย่างหลายจุด ทั้งในตัวพิพิธภัณฑ์และนอกอาคารพิพิธภัณฑ์ด้วยเช่นกัน
ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com