Categories
focus on travel

ทริปเดินเท้าเข้าชม “น้ำตกขุนกรณ์” จังหวัดเชียงราย

              เชียงราย นับเป็นอีกหนึ่งจังหวัดทางภาคเหนือที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่หาดูได้ยากทั้งนั้น และทริปนี้เราจะพาไปเดินเท้าเข้าชม น้ำตกขุนกรณ์ ที่จังหวัดเชียงรายกัน แม้ว่าการเดินทางอาจไม่ได้สะดวกสบายมาก แต่พอถึงปลายทางรับรองว่าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแน่นอน

          วนอุทยานน้ำตกขุนกรณ์ ตั้งอยู่ในเขต ต. แม่กรณ์ และ ต.ห้วยชมภู อ.เมือง จ.เชียงราย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งซ้ายและป่าแม่กกฝั่งขวา มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 33 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว หรือรถสองแถวประจำทางสาย เชียงราย-บ้านปางริมกรณ์ ก็ได้ น้ำตกขุนกรณ์

แห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุด และตัวน้ำตกสูงที่สุดในจังหวัดเชียงราย เพราะมีความสูงกว่า 70 เมตร แถมยังมีน้ำที่ใสสะอาดปราศจากตะกอนหินปูน และมีน้ำไหลตลอดปี ซึ่งเดิมทีนั้นชาวบ้านเรียกที่นี่ว่า ตาดหมอก (คำว่า “ตาด” ในภาษาลาวแปลว่า น้ำตก)

              สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ใน วนอุทยานน้ำตกขุนกรณ์ เป็นหุบเขาล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชัน บนยอดเขาเป็นแหล่งต้นน้ำของน้ำแม่กรณ์ ซึ่งประกอบด้วยห้วยต่างๆ ไหลรวมกัน ตลอดทางเดินเข้าชมน้ำตกจะมีพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดขึ้นให้เห็นอยู่มากมาย ทั้งไม้ยืนต้น ไม้คลุมดิน เฟิร์น กล้วยไม้ และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนสภาพป่าก็สมบูรณ์มาก บอกได้เลยว่าสำหรับคนที่ชอบต้นไม้แล้ว ทริปนี้ถือว่าคุ้มจริงๆ

              ใครที่ชอบสัมผัสธรรมชาติ ที่นี่เค้ามีเส้นทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจตลอดเส้นทาง ระหว่างทางเดินจะได้ยินเสียงน้ำไหลผ่านโขดหินน้อยใหญ่ ประชันกับเสียงนกร้อง และเสียงแมลงต่างๆ ที่บินเวียนวนอยู่รอบๆ ตัว ช่วยเสริมให้บรรยากาศเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ตลอดทางเดินขึ้นสู่ตัวน้ำตกขุนกรณ์ จากจุดเริ่มต้นตรงลานจอดรถบริเวณ

ที่ทำการวนอุทยานถึงตัวน้ำตก รวมระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร โดยช่วงต้นๆ ของทางเดินจะเป็นการเดินทวนน้ำขึ้นไป และมีสะพานไม้ไผ่ทั้งน้อยและใหญ่ให้เดินข้ามเพื่อเพิ่มความท้าทายอีกด้วย เมื่อถึงช่วงทางแคบก็จะเหมือนได้ออกกำลังกายไปในตัว เพราะมีทั้งทางลอดซุ้มไม้ไผ่ และทางชัน ยิ่งเดินลึกเข้าไปยิ่งสัมผัสได้ถึงละอองน้ำที่ตกกระทบลานหิน

พอถึงน้ำตก ความเหนื่อยล้าก็จะถูกสลัดทิ้งไปจนหมด เพราะสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าคือ น้ำตกที่มีความสูงลิ่ว ตกลงมาจากต้นน้ำที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา ละอองน้ำสาดซัดเข้ามาราวกับสายฝน และสิ่งที่ทำให้สายตาหยุดนิ่งทันทีที่เห็นก็คือ ภาพของสายรุ้งที่สวยงามมากๆ ซึ่งมันเหมือนอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้นเอง

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ FB: กิน นอน เที่ยว

Categories
focus on travel

จุดชมทะเลหมอกภาคเหนือ

แอ่ว 5 จุดชมทะเลหมอกภาคเหนือสุดฟิน

ปลดล็อกดาวน์กันแล้ว ออกไปผ่อนคลายและใช้ชีวิตเที่ยวธรรมชาติกัน รับรองว่าเหมาะกับการเที่ยวแบบ Social distancing ในยุคโควิดมาก เพราะที่ธรรมชาติเป็นที่ที่ทำให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติที่แท้จริงและที่สำคัญคนไม่แน่นเหมือนเที่ยวในเมืองอีกด้วย วันนี้เราจึงอยากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวธรรมจุดชมวิวทะเลหมอกสุดอลังการที่ภาคเหนือของประเทศไทยเรา รับรองว่าเมื่อคุณได้เห็นความสวยงามอลังการของทะเลหมอกภาคเหนือแล้วนั้นคุณจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว

ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน
ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน

1.ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน เป็นจุดชมดาวยามค่ำคืนที่สูงมากสมชื่อเลย คุณสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามอลังการจากที่แห่งนี้ได้เลย ที่สำคัญยังเป็นจุดชมทะเลหมอกยามเช้าอีกด้วยรับรองว่าถ้ามีกาแฟร้อนๆสักแก้วจิบพร้อมชมทะเลหมอกไปเพียงเท่านี้บรรยากาศจะโรแมนติกขึ้นคูณร้อยเลยทีเดียว  และบริเวณใกล้เคียงก็ยังมีผาหัวสิงห์ที่สามารถชมทะเลหมอกและวิวธรรมชาติได้แบบรอบ 360 องศาเลย ยังไม่เท่านั้น คุณยังสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำน่านและตัวอำเภอนาน้อยได้อีกด้วย เรียกได้ว่าควรมาสักครั้งในชีวิตจริงๆ

ดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
ดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

2.ดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ 

ดอยหลวงเชียงดาว หรือดอยเชียงดาว เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทยเลยทีเดียว ที่สูงรองจากดอยอินทนนท์ และดอยฟ้าห่มปก ที่นี่สามารถเดินทางมาพักผ่อนกันได้ง่ายๆเลยโดยการมาตามเส้นทางหลวงสายเชียงใหม่-ฝางประมาณหลักกิโลเมตรที่ 72  หากผ่านไปตามเส้นทางดังกล่าว คุณจะสังเกตเห็นเทือกเขาสูงชันทางด้านซ้ายมือนั่นแหละถึงแล้วนั้นก็คือ ดอยหลวงเชียงดาว นั่นเอง เมื่อถึงยอดดอยหลวงเชียงดาว คุณจะสามารถมองเห็นวิวที่ตระการตามากๆกับอีก 2 ดอยอยู่เบื้องหน้าก็คือ ดอยสามพี่น้อง และดอยพีรามิด ซุ่งบอกเลยว่าควรค่าแก่การมาฮีลใจตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะบรรยากาศด้านหน้าเหมือนภาพวาดที่หลุดออกมาจากเทพนิยายเลยทีเดียว

ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่
ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่

3.ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่

สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง ตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี จัดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2512 ดอยอ่างขางมีอากาศเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิประมาณ 17องศาโอ้พระเจ้าคืออากาศเย็นขั้นสุด  เราจึงสามารถไปเที่ยวดอยอ่างขางได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว ส่วนในช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนก็ไม่ร้อนจัด ส่วนหน้าฝนถือเป็นช่วง Low season ไม่หนาวมากแถมยังได้ชมความอลังการของทะเลหมอกอีกด้วย และช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคมเป็นช่วงไฮไลท์ของที่นี่ คนนิยมมาเที่ยวกันดูปรากฎการณ์แม่คะนิ้งหรือน้ำค้างแข็งกันเป็นจำนวนมาก เพราะนอกจากอากาศที่หนาวเย็นแล้ว ยังได้ชมความงามของธรรมชาติและบรรยากาศรอบๆอีกด้วย คุ้มค่ามากเลย

ดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย
ดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย

4.ดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย

เป็นยอดดอยในเทือกเขาหลวงพระบางที่สำคัญเป็นเส้นแบ่งเขตไทย-ลาว อยู่ห่างจากภูชี้ฟ้าประมาณ 30 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ใครที่จะมาเที่ยวสามารถมาชมความงามของทั้งสองสถานที่กันได้เลย  ขอบอกว่าดอยผาตั้งแห่งนี้ถือเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย  ชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้าที่อาศัยอยู่บริเวณนี้มีอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ปลูกพืชเมืองหนาว เช่น บ๊วย ท้อ สาลี่ แอปเปิ้ล และชา ถือว่าเป็นสีสันแห่งวัฒนธรรมชนเผ่า ใครที่สนใจมาสัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตกันได้เลย

ห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่
ห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่

5.ห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่

จุดชมวิวบริเวณห้วยน้ำดัง (ดอยกิ่วลม) อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากในประเทศไทยเลยทีเดียว นอกจากชมทะเลหมอกในยามเช้าได้แล้วนั้นยังสามารถชมความงดงามของดวงอาทิตย์ขึ้นที่ทอแสงในยามเช้าอีกด้วย ที่สำคัญยังมองเห็นดอยเชียงดาว นอกจากนี้ช่วงปลายฤดูหนาวจะเต็มไปด้วยดอกไม้ที่มีสีสันสวยงาม

และใครที่มาที่นี่ยังสามารถไปเที่ยวดอยสามหมื่น อำเภอเชียงดาว  จะมีหมู่บ้านชาวเขาเผ่าลีซออาศัยอยู่ กิจกรรมก็จะมีการชมการปลูกกาแฟอาราบิกาและไม้ผลเมืองหนาว เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการมามากๆ

ใครที่มีความหลงใหล หลงรักในธรรมชาติต้องไม่พลาดกับจุดชมวิวทะเลหมอกภาคเหนือ เพราะนอกจากความสวยงามอลังการของทะเลหมอกและบรรยากาศ วิวธรรมชาติแบบ 360 องศาแล้วนั้น ยังมีกไฮไลท์เด็ดคือการชมแสงแรกของวันยามที่พระอาทิตย์ทอแสงขึ้นมา เรียกได้ว่ามาแล้วทุกคนจะไม่ผิดหวังแน่นอน มาให้ธรรมชาติเติมพลังชีวิตให้คุณกันเถอะ

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.com และติดตามต่อกันได้ที่ page facebook กิน นอน เที่ยวไหน