Categories
focus on travel

ถ้าเบื่อหน่าย…ไปเที่ยว เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ที่กรุงเทพฯ ซะเลย

เคยเป็นกันไหมที่รู้สึกเบื่อๆ ไม่มีใครเข้าใจเราเลยสักคนจนเราต้องประชดประชันโดยการแอบไปข้างนอก กะว่าจะไปนอนบ้านเพื่อน เพื่อนก็ดันไปเที่ยวกับแฟน จะไปนอนบ้านแฟนตัวเองก็ลืมไปว่าตัวเองโสด เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับตัวจริงๆ ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบจะ 19:00 น เลยตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าไปเที่ยวกรุงเทพฯ

แล้วตอนนั้นก็ได้ search หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่เปิดตอนกลางคืนและปิดประมาณเที่ยงคืนหรือ 1:00 น สุดท้ายได้เลือกสถานที่ที่หนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงพอสมควรในจังหวัดกรุงเทพมหานคร นั่นคือ “เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนท์”

เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์
เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์

ที่ “เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนท์” จะปิดประมาณเที่ยงคืน หรืออาจจะเกือบ 01:00 น เลยได้ตัดสินใจไปที่นี่แทน ออกจากที่ที่อยู่ประมาณ 18:00 น ถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 20:00 ณ ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่าจะต้องลงที่ไหนและจะไปเอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์ได้ยังไง ได้แต่จะหาข้อมูลในโทรศัพท์ เลยตัดสินใจลงที่สถานีหมอชิตแล้วเปิดดูว่าจากหมอชิตไปเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ไปยังไง

สุดท้ายเลยวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างแทนซึ่งใช้เวลาประมาณ 22 นาทีก็ถึงแล้ว แต่ถ้าเป็นคนในพื้นที่การมาที่เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ถ้าไม่อยากรถติดก็สามารถนั่งเรือด่วนเจ้าพระยามาได้เช่นกันซึ่งไม่มีค่าบริการตั๋วแต่อย่างใด ไปถึงเร็วได้ไม่ต่างจากวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างเลย

  • เมื่อเดินเข้ามาในเอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟรอนท์ แลนด์มาร์คริมน้ำที่มีชื่อเสียงแห่งนี้เป็นเหมือนศูนย์รวมการค้าขนาดใหญ่และใหม่สำหรับกรุงเทพมหานคร เมื่อเข้ามาข้างในแล้วจะเจอกับชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่สะดุดตาเป็นอย่างมาก มีความสูงประมาณ 60 เมตรได้
  • เมื่อไปอยู่จุดสูงสุดของชิงช้าสวรรค์ คุณจะสามารถเห็นวิวที่สวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยา และวิวทั้งหมดของเอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ถือได้ว่าเป็นวิวที่สวยงามมาก ผมต้องตั้งฉายาให้กับชิงช้าสวรรค์ของที่นี่ว่า “The eye of Asiatique the riverfront” นอกจากจะมีชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่มากแล้ว ที่นี่ก็จะมีโชว์มากมายให้คุณได้เลือกดูอย่างสนใจ
    • การโชว์ศิลปะแม่ไม้มวยไทย และการใช้ศิลปะป้องกันตัวในแบบอื่น เพื่ออนุรักษ์ศิลปะให้เป็นที่รู้จักในสายตาชาวโลก และได้เห็นแม่ไม้มวยไทยจริงๆ จัง
    • โชว์อีกอย่างที่มีคนสนใจมากพอเช่นกันนั่นคือการโชว์คาบาเร่นายแบบคาลิปโซ่สไตล์ คาบาเร่โชว์แบบคาลิปโซ่สไตล์ ณ เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟรอนท์ เป็นการจำลองโชว์คาบาเร่แบบออริจินอลหรือแบบดั้งเดิม โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก moulin rouge ที่ฝรั่งเศส และมีความผสมผสานแบบ the musical เข้ามาด้วย จะตอบโจทย์ผู้ชมที่เป็นเพศทางเลือกมากเป็นพิเศษ
  • โดยส่วนใหญ่แล้ว ที่เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์จะมีคนพลุกพล่านช่วงเวลาประมาณเกือบจะ 17:00 น และในเอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟรอนท์แห่งนี้ จะมีร้านคาเฟ่น่ารักๆ อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งขอแนะนำร้านนี้เลย มันมีชื่อร้านว่า “Palam Palam” เป็นร้านที่น่ารักตกแต่งด้วยผ้าสีขาว สามารถนั่งได้ทั้งในร้านและนอกร้าน
  • และบริเวณลานกว้างก็จะมี food truck มาขายอาหารมากมาย เช่น แฮมเบอร์เกอร์ อาหารฟาสต์ฟู้ด เป็นต้น. แล้วสายช็อปปิ้งก็ไม่ควรพลาดเหมือนกัน มีมุมตลาดให้จับจ่ายซื้อของได้เหมือนกัน อย่างร้านเสื้อผ้าโปรดจะชอบร้านหนึ่งที่ขายเสื้อแฟชั่น 290 บาทและมีแบบเสื้อ 3D ราคาแค่ 350 บาท ร้านค้าในนี้มีแต่ของราคาถูกทั้งนั้น ซื้อขายง่ายขายคล่องมากทีเดียว
เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์
เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์
เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์
เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์

การมาเที่ยวที่นี่ใช้เวลาอยู่เกือบจะปิด หลังจากนั้นก็หาที่อยู่ต่อไม่ได้ก็เลยหาข้อมูลต่อ ว่ามีที่ไหนที่เหมือนว่าจะเปิด 24 ชั่วโมงบ้าง และได้ไปเจอกับร้านคาเฟ่ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ก็เลยเดินทางต่อไปยังที่ร้าน “too fast to sleep” ผมนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างจากเอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟรอนท์

ไปยังร้าน too fast to sleep ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีได้ ร้านจะตั้งอยู่บริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จตุจักร นั้นเองเมื่อเข้าไปที่ร้านก็สั่งกาแฟอเมริกาโน่อย่างเดียวเพื่อไม่ให้ตัวเองนอนหลับ แล้วก็เอางานที่ยังทำไม่เสร็จขึ้นมาทำให้เสร็จ โชคดีที่เป็นเด็กที่เตรียมพร้อมตลอดเวลา

เลยเตรียม notebook ขึ้นมาทำ จำได้เลยว่าวันนั้นสั่งอเมริกาโน 1 แก้ว และลาเต้ อีก 2 แก้ว  ซึ่งได้ใช้เวลาอยู่ในคาเฟ่นั้นเกือบ3 ชั่วโมง  และคิดว่าถ้านั่งต่อไปคงไม่มีอะไรทำได้แน่ๆ เลยตัดสินใจเดินทางไปสถานีหัวลำโพงเพื่อขึ้นรถไฟมาลงที่ลพบุรี นั่นเป็นการหนีออกจากบ้านที่ใกล้ที่สุดและสนุกที่สุด

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ที่ Focus on travel
เวปไซด์ focusontour.co